ราคาบิตคอยน์(BTC) ที่พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อต้นสัปดาห์ ได้หยุดพักแนวโน้มขาขึ้นชั่วคราว โดยเมื่อวันที่ 25 (เวลาท้องถิ่น) ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 5% จากวันก่อนหน้า มาอยู่ที่ประมาณ 116,850 ดอลลาร์ (ราว 1.61 ล้านบาท) ถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางเข้าสู่ภาวะปรับฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้ บิตคอยน์เคยทำสถิติปิดราคารายวันที่ระดับสูงสุดที่ 120,000 ดอลลาร์ (ราว 1.66 ล้านบาท) แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านดังกล่าวได้ และเผชิญแรงขายอย่างหนัก
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดคริปโตระบุว่า การปรับฐานครั้งนี้เกิดจาก *กิจกรรมของวาฬรายใหญ่ในตลาด เช่น ไบแนนซ์* ที่มีการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ขนาดใหญ่ พร้อมกันกับการขายทำกำไรของนักลงทุนระยะยาว ซึ่งส่งผลให้ความ *ผันผวนของราคา* เพิ่มสูงขึ้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนระยะสั้นต้องระวังมากขึ้นต่อแนวโน้มราคาที่อาจปรับลด
นักวิเคราะห์บางรายยังชี้ว่า ความเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะร่วงลงไปเติม *ช่องว่าง(gap)* ของราคาในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งยังคงเหลืออยู่ในกราฟของ *บิตคอยน์ฟิวเจอร์สบนตลาดชิคาโก(CME)* อาจเป็นเหตุผลหนุนต่อทิศทางขาลง โดยระดับราคาที่มี ‘gap’ อยู่ใต้แนว 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.59 ล้านบาท) และในอดีต มักมีรูปแบบที่ราคาบิตคอยน์มักกลับลงมาเติมช่องว่างดังกล่าวก่อนจะเริ่มดีดกลับ
ขณะนี้ บิตคอยน์กำลังพยายามสร้างสมดุลทางเทคนิคบริเวณระดับ *115,000 ดอลลาร์* ซึ่งเป็น *แนวรับทางจิตวิทยา* และระดับ *120,000 ดอลลาร์* ยังคงเป็นแนวต้านสำคัญที่นักลงทุนเฝ้าจับตาว่าจะสามารถทะลุได้หรือไม่ แม้ว่าบรรดานักลงทุนจำนวนมากยังคงมองโลกในแง่ดีว่าราคาในระยะกลางและระยะยาวยังมีทิศทางขาขึ้น แต่ในระยะสั้น *ควรติดตามความเคลื่อนไหวของวาฬและปริมาณการซื้อขายอย่างใกล้ชิด* ‘ความคิดเห็น’
ความคิดเห็น 0