ตลาดกองทุน ETF อีเธอเรียม(ETH) ในสหรัฐฯ กำลังร้อนระอุ หลังจากกองทุน ‘iShares อีเธอเรียม ทรัสต์(ETHA)’ ของแบล็กร็อก(BLK) สร้างสถิติใหม่ด้วยการรับเงินลงทุนเข้ากองทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันเดียวที่ 489.14 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,780 ล้านบาท) การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนการเร่งซื้อของนักลงทุนสถาบันที่เริ่มเข้าช้อนอีเธอเรียมอย่างจริงจัง
แบล็กร็อกซื้ออีเธอเรียมเพิ่ม 148,585 ETH ภายในวันเดียว นับเป็นปริมาณการไหลเข้ามากที่สุดนับตั้งแต่การเปิดตัว ETF ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2024 พร้อมกับทำสถิติยอดมูลค่าการซื้อขายสูงสุดถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 25,020 ล้านบาท) ส่งผลให้เงินลงทุนรวมที่ไหลเข้า ETHA ในรอบ 5 วันทำการล่าสุดแตะระดับ 1.25 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 17,380 ล้านบาท) คิดเป็นเกือบ ‘20%’ ของมูลค่ารวมทั้งกองทุนที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มต้น
ไม่เพียงแต่แบล็กร็อก กองทุน ETF อีเธอเรียมรายอื่นก็มีเงินไหลเข้าหนาแน่นเช่นกัน โดยเนท เจอราชี (Nate Geraci) ผู้เชี่ยวชาญด้าน ETF ระบุว่าเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม มีเงินเข้ากองทุนอีเธอเรียมรวมกว่า 720 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,180 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าสูงกว่าสถิติที่ผ่านมาอย่างมีนัยสำคัญ
อีกด้านหนึ่ง ‘FETH’ ของฟิเดลิตี้(Fidelity) มีเงินไหลเข้า 113 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,570 ล้านบาท) มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน ส่วน ‘มินิ อีเธอเรียม ทรัสต์’ ของเกรย์สเกล(Grayscale) ก็มีการดึงดูดเงินทุนได้ถึง 54 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 750 ล้านบาท) ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024
ความต้องการ ETF ที่พุ่งสูงได้กดดันอุปทานอีเธอเรียมอย่างเห็นได้ชัด โดยกองทุน ETF ในสหรัฐฯ ทุกแห่งขณะนี้ถือครองอีเธอเรียมรวมแล้วถึง 5 ล้าน ETH หรือประมาณ ‘4%’ ของอีเธอเรียมหมุนเวียนทั้งหมดในตลาด เทียบกับปริมาณที่ถูกสร้างขึ้นในแต่ละวันแล้ว ถือว่าถูกดูดซับผ่าน ETF เป็นจำนวนหลายร้อยเท่า
ที่น่าสนใจคือ แม้แต่ภาคธุรกิจเอกชนเองก็เริ่มนำอีเธอเรียมเข้าสู่บัญชีงบดุลแล้ว โดยจากข้อมูลของ Strategic Eth Reserve พบว่าบริษัทต่างๆ ถือครองอีเธอเรียมรวมกันถึง 1.6 ล้าน ETH คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 73,670 ล้านบาท) และกำลังซื้อในอัตราที่เร็วกว่าการผลิต ‘36 เท่า’
กระแสดังกล่าวยังสะท้อนได้จากรายงานของ CoinShares ที่ระบุว่า สินทรัพย์การเงินที่อ้างอิงอีเธอเรียมมีการไหลเข้า 12 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยเฉพาะสัปดาห์ล่าสุดที่มีเงินไหลเข้าถึง 990 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13,780 ล้านบาท) ทำสถิติสูงสุดเป็นอันดับ 4 ตั้งแต่เคยมีมา
ราคาของอีเธอเรียมเองก็ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มดังกล่าวอย่างชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ราคา ETH แตะระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 3,420 ดอลลาร์ (ประมาณ 475,000 บาท) ก่อนปรับลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 3,350 ดอลลาร์ (ประมาณ 466,000 บาท) ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นถึง ‘เกือบ 30%’ ภายในเวลาเพียงสองสัปดาห์ แซงหน้ายอดเพิ่มขึ้นของบิตคอยน์(BTC) ที่อยู่ที่ประมาณ 8.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ยังคงเลื่อนการตัดสินใจอนุมัติการแลกคืนสินทรัพย์ตามแบบ ‘in-kind’ สำหรับกองทุน ETF บิตคอยน์-อีเธอเรียมของบิตไวซ์(Bitwise) ส่งผลให้ประเด็น ‘ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ’ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องจับตา แต่ตลาดโดยรวมดูจะให้ความสำคัญกับแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันมากกว่าความเสี่ยงด้านนโยบายในขณะนี้
ความคิดเห็น 0