ราคาของริปเปิล(XRP)พุ่งสูงในระยะเวลาอันสั้น ก่อให้เกิดความไม่สมดุลของการ *ชำระบัญชีสัญญาอนุพันธ์* ในขนาดใหญ่และผิดปกติ โดยเมื่อราคา XRP ทะลุระดับ 3 ดอลลาร์ ปริมาณการ *ชำระบัญชีของฝั่งขาย* เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอยู่ที่ประมาณ 18.89 ล้านดอลลาร์ หรือราว 620 ล้านบาท ในช่วง 24 ชั่วโมง มีการชำระบัญชีของฝั่งชอร์ตสูงถึง 28.93 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 950 ล้านบาท) มากกว่าฝั่งลองซึ่งอยู่ที่ 10.04 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 330 ล้านบาท) อย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อราคา XRP พุ่งจาก 2.92 ดอลลาร์ไปแตะระดับสูงสุดที่ 3.30 ดอลลาร์ภายในเวลาอันสั้น ก่อนจะปรับลงมาทรงตัวแถว 3.24 ดอลลาร์ โดยพฤติกรรมของราคานี้สะท้อนรูปแบบ ‘breakout’ ที่คลาสสิก ซึ่งเริ่มต้นจากแรงซื้อที่สะสมในช่วงเวลาตลาดเอเชีย ก่อนขยายตัวอย่างรุนแรงในช่วงเปิดตลาดสหรัฐ
ความไม่สมดุลของการชำระบัญชีครั้งนี้ *โดดเด่นเป็นพิเศษในหมู่อัลต์คอยน์* โดยแม้ว่าริปเปิลจะมีปริมาณการชำระบัญชีโดยรวมรองจากอีเธอเรียม(ETH)และบิตคอยน์(BTC) แต่ในฝั่งชอร์ต XRP กลับมีตัวเลขที่กินขาด ฝั่งชอร์ตมากถึง 15.36 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 520 ล้านบาท) ถูกชำระบัญชีภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมงหลังตลาดสหรัฐเปิด ซึ่งมากกว่าฝั่งลองกว่า 10 เท่า
*ความคิดเห็น:* นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความเคลื่อนไหวของราคาธรรมดา แต่เป็นสัญญาณว่า *นักลงทุนในการซื้อขายอนุพันธ์ขาดการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม* พฤติกรรมของกลุ่มผู้ถือฝั่งชอร์ตซึ่งไม่สามารถตอบสนองทันต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา กลับได้รับผลกระทบอย่างหนัก
ข้อมูลจาก CoinGlass ระบุว่า ภายในวันเดียวกัน *ตลาดคริปโตทั่วโลกมีการชำระบัญชีรวมกว่า 557.7 ล้านดอลลาร์* (ประมาณ 19,600 ล้านบาท) โดยอีเธอเรียมมีสัดส่วนสูงสุดที่ 238.44 ล้านดอลลาร์ ตามด้วยบิตคอยน์ที่ 70.98 ล้านดอลลาร์ ส่วน XRP อยู่ที่ 38.98 ล้านดอลลาร์ โดยรวมทั้งหมดมีการปิดสถานะกว่า 148,000 รายการ สร้างการสั่นสะเทือนในตลาดอนุพันธ์คริปโต
การปรับตัวขึ้นของ XRP *สะท้อนถึงความเสี่ยงของการเปิดสถานะชอร์ตเกินจริง* และตอกย้ำว่า เทรดเดอร์ที่พึ่งพาเครื่องมืออนุพันธ์โดยไม่ควบคุมขนาดการลงทุนอาจต้องเผชิญความเสียหายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อไม่ตระหนักหรือจัดการความเสี่ยงได้อย่างทันการณ์ นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพิ่มเติมว่า XRP กำลังสร้างรูปแบบกราฟ ‘ถ้วยและหูจับ (Cup and Handle)’ ซึ่งเป็นสัญญาณก่อนราคาพุ่งต่อเนื่อง และทำให้ตลาดเริ่มพูดถึงโอกาสแตะ 5 ดอลลาร์อีกครั้ง
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำว่า *ความไม่สมดุลด้านอนุพันธ์อาจแปรสภาพเป็นความเสี่ยงขนาดใหญ่ต่อตลาดโดยรวม* นักลงทุนควรระมัดระวังในการถือสถานะที่เกินความสามารถในการรับความเสี่ยง เนื่องจากอาจนำมาซึ่งการขาดทุนมหาศาลในช่วงเวลาสั้น ๆ
ความคิดเห็น 0