ตลาดคริปโตใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังอย่าง โรเบิร์ต คิโยซากิ(Robert Kiyosaki) ออกมาเตือนถึง *ความเสี่ยงในการล่มสลายของตลาดโดยรวม* พร้อมระบุว่าแม้แต่ *บิตคอยน์(BTC)*, ทองคำ และเงิน ก็อาจได้รับผลกระทบจากแรงเทขายครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม เขามองวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสในการสะสมสินทรัพย์ระยะยาว
จากข้อมูลล่าสุด มูลค่ารวมของตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเข้าใกล้ระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 5,560 ล้านล้านวอน โดย *บิตคอยน์(BTC)* กำลังซื้อขายอยู่ที่ราว 118,000 ดอลลาร์ หรือราว 1.64 ล้านบาท ขณะที่ *อีเธอเรียม(ETH)*, *ริปเปิล(XRP)* และ *โดจคอยน์(DOGE)* ต่างก็มีราคาพุ่งขึ้นสองหลักภายในเดือนที่ผ่านมา แม้แนวโน้มราคาจะเห็นขึ้นต่อเนื่อง คิโยซากิชี้ว่า ปัจจัยพื้นฐานทางการเงินยังส่ง ‘*สัญญาณเตือน*’ ที่น่าวิตก
ผ่านทางแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) เมื่อเร็วๆ นี้ เขาแสดงความเห็นว่า “ฟองสบู่ใกล้จะแตก” พร้อมเตือนว่าสินทรัพย์อย่างทองคำ, เงิน และบิตคอยน์ ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการปรับฐานแรงได้ อย่างไรก็ตาม เขาระบุว่า “ถ้าราคาดิ่งลง ฉันจะถือโอกาสซื้อเพิ่ม” ซึ่งสะท้อน *ความมั่นใจในมูลค่าในระยะยาว* ของสินทรัพย์เหล่านี้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ราคากำลังอ่อนตัว ความคิดเห็นของเขาตอกย้ำแนวคิดว่า *แรงขาลงในระยะกลางและสั้นเป็นโอกาสสะสม*
คำเตือนของคิโยซากิครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หนี้รัฐบาลสหรัฐทะลุ 34.9 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,851 ล้านล้านวอน) โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่กลายเป็นภาระขยายตัวเร็วที่สุดในงบประมาณรัฐ ทำให้เกิดคำถามถึง *เสถียรภาพระยะยาวของระบบเศรษฐกิจสหรัฐ* นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนแสดงความเห็นว่า การขาดวินัยทางการคลังอาจเร่งให้เกิดการปรับฐานขนานใหญ่ในสินทรัพย์ทั่วโลก
ทั้งนี้ คิโยซากิเคยเตือนในช่วงต้นปีนี้ว่า ราคาบิตคอยน์ที่ทะลุระดับ 120,000 ดอลลาร์ อาจสะท้อน ‘*ความโลภเกินขอบเขต*’ โดยเขาเคยกล่าวว่า “หมูสามารถอ้วนได้ แต่หมูโลภมักถูกฆ่า” ซึ่งเป็นการสื่อถึงนักลงทุนที่ขาดความระมัดระวังในการเทรดช่วงตลาดร้อนแรง
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคโดย มาร์คัส คอร์วินุส(Marcus Corvinus) พบว่า ขณะนี้ *บิตคอยน์* เคลื่อนไหวในรูปแบบ *สามเหลี่ยมบีบตัว* พร้อมยืนเหนือแนวรับที่ระดับ 116,000-117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.61-1.62 ล้านบาท) ซึ่งเป็นช่วงที่อาจนำไปสู่การเลือกทิศทางครั้งใหญ่ หากทะลุแนวต้านมีโอกาสไปแตะระดับ 125,000 ดอลลาร์ (1.73 ล้านบาท) แต่หากหลุดแนวรับ อาจถอยกลับไปที่ 111,000 ดอลลาร์ (1.54 ล้านบาท)
สถานการณ์ที่ *ความไม่แน่นอนเชิงเทคนิค* ผสมผสานกับ *แรงกดดันจากปัจจัยมหภาค* เช่นนี้ ทำให้ตลาดอยู่ในจุดหักเหสำคัญ โดยคิโยซากิยังคงผลักดันแนวคิดว่า ทองคำ เงิน และ *บิตคอยน์* คือ ‘*สินทรัพย์จริง(real assets)*’ ที่ควรถือครองในภาวะเศรษฐกิจผันผวน
ในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายบริหารของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* เพิ่งผ่านร่างกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซี และธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาด อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นักลงทุนให้ความสำคัญกับ ‘*จังหวะเข้าซื้อ*’ และการจัดการ *ความเสี่ยงในการลงทุน* ในช่วงที่ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูง.
ความคิดเห็น 0