แคธี วูด(Cathie Wood) และบริษัทจัดการสินทรัพย์อย่างอาร์ค อินเวสต์(ARK Invest) ได้เริ่มปรับโครงสร้างพอร์ตการลงทุนครั้งใหญ่ โดยย้ายจุดลงทุนจากสินทรัพย์ที่เน้น *บิตคอยน์(BTC)* ไปยังบริษัทที่มีรากฐานจากเทคโนโลยี *อีเธอเรียม(ETH)* อย่างเด่นชัด ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นต่ออนาคตของอีเธอเรียม โดยวูดเพิ่มการลงทุนในบริษัท *บิทไมน์ อิเมอร์ชัน เทคโนโลยีส์(Bitmine Immersion Technologies)* ซึ่งก่อตั้งโดยทอม ลี(Tom Lee) ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การเงินสายอีเธอเรียม
จากข้อมูลล่าสุด อาร์ค อินเวสต์ได้ขายหุ้น *คอยน์เบส(COIN)* จำนวน 218,986 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 90.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1,257 พันล้านวอน) โดยการขายนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สามในเดือนเดียว และเกี่ยวข้องกับ ETF หลักทั้งสามของอาร์ค ได้แก่ ARK Innovation ETF, ARK Next Generation Internet ETF และ ARK Fintech Innovation ETF
นอกจากนี้ อาร์คยังขายหุ้นของบริษัท *โรบล็อกซ์(RBLX)* แพลตฟอร์มเกมออนไลน์ จำนวน 463,293 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 57.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 802 พันล้านวอน) และได้นำเงินไปซื้อหุ้นของบิทไมน์ อิเมอร์ชันฯ จำนวน 4.4 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 174 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,415 พันล้านวอน) ทำให้บริษัทนี้กลายเป็นหนึ่งในสินทรัพย์หลักของ ETF ของอาร์ค คิดเป็นสัดส่วน 1.5% ของพอร์ต
ปัจจุบัน *บิทไมน์ อิเมอร์ชันฯ* ถือเป็นบริษัทที่มีครอบครอง *อีเธอเรียม* มากเป็นอันดับ 2 ของโลก โดยมีจำนวนกว่า 300,000 ETH คิดเป็นมูลค่าราว 1.1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 15,290 พันล้านวอน) อ้างอิงจากข้อมูลของ StrategicEthReserve ซึ่งระบุว่าอันดับหนึ่งคือ *ชาร์ปลิงค์ เกมมิ่ง(SharpLink Gaming)* ที่ถือ 360,000 ETH
การปรับโครงสร้างพอร์ตไม่ได้จำกัดเพียงแค่การลงทุนในบิทไมน์เท่านั้น อาร์คยังขายหุ้นในบริษัทชื่อดังอย่าง *โรบินฮูด(HOOD)* และ *บล็อก(SQ)* ขณะเดียวกันก็ทยอยเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและผู้บริโภค เช่น *เอเอ็มดี(AMD)*, *ดอร์แดช(DASH)* และ *แอร์บีเอ็นบี(ABNB)*
ไม่ใช่แค่อาร์คเพียงรายเดียวที่ขยับตัวเข้าสู่ระลอกของ *อีเธอเรียมสำหรับองค์กร* บริษัท *บิท ดิจิทัล(Bit Digital)* ซึ่งจดทะเบียนในตลาดแนสแด็กก็น่าสนใจเช่นกัน โดยบริษัทได้เปลี่ยนจากการขุดบิตคอยน์มาใช้พอร์ตการเงินที่เน้นอีเธอเรียม หลังระดมทุน 172 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,391 พันล้านวอน) จากการเสนอขายหุ้น และขาย *บิตคอยน์* ที่ถืออยู่ 280 BTC เพื่อลงทุนใน *อีเธอเรียม* 106,003 ETH
แม้สถานการณ์ทางการเมืองไม่แน่นอน โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่ *ประธานาธิบดีทรัมป์* จะหวนสู่อำนาจและอาจมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ แต่แนวโน้มที่ *องค์กรต่าง ๆ จะถือครองอีเธอเรียมเป็นสินทรัพย์สำรอง* กลับยิ่งชัดเจนขึ้น เช่นกรณีของ SBET ที่สามารถระดมทุนได้ถึง 425 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5,908 พันล้านวอน) จากการจัดสรรหุ้นส่วนตัวและการเสนอขายในตลาด เพื่อสร้างคลังสำรองอีเธอเรียมขนาดใหญ่
ความเคลื่อนไหวของอาร์ค อินเวสต์ครั้งนี้ จึงสะท้อนภาพว่า ‘สถาบันการเงินดั้งเดิม’ กำลังเริ่มมองอีเธอเรียมในฐานะ *แหล่งเก็บมูลค่าสำหรับองค์กร (Institutional Store of Value)* อย่างแท้จริง โดยถือเป็นหนึ่งในก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของตลาดในอนาคตอย่างมีนัยสำคัญ
ความคิดเห็น 0