Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

Mantle Network ผงาดสู่ระบบการเงินยุคใหม่ มูลค่าคลังทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ เดินหน้าพัฒนา DeFi, AI และ ZK Rollup

Mantle Network ผงาดสู่ระบบการเงินยุคใหม่ มูลค่าคลังทะลุ 2 พันล้านดอลลาร์ เดินหน้าพัฒนา DeFi, AI และ ZK Rollup / Tokenpost

Mantle Network กำลังยกระดับจากโซลูชันขยายเลเยอร์2 ของอีเธอเรียม(ETH) ไปสู่การเป็นระบบนิเวศทางการเงินครบวงจรที่เชื่อมต่อการเงินแบบดั้งเดิมกับการเงินแบบกระจายอำนาจ(DeFi) อย่างรวดเร็ว ตามรายงานล่าสุดจากบริษัทวิจัยด้านคริปโต BloFin เมื่อวันที่ 24 โดยชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่วางรากฐานไว้, การบริหารทรัพย์สินมหาศาลผ่านคลัง(Mantle Treasury), และการนำเทคโนโลยีอินฟราสตรักเจอร์รุ่นใหม่มาใช้ สะท้อนว่า Mantle กำลังมุ่งสู่การเป็น ‘เครือข่ายการเงินแห่งอนาคต’

Mantle เริ่มต้นจากการเป็นโซลูชันเลเยอร์2 ประเภท Optimistic Rollup แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบโมดูลที่สามารถรวมบริการทางการเงินต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน โดยยังคงคุณสมบัติด้านความปลอดภัยและความเข้ากันได้กับอีเธอเรียม ขณะเดียวกันยังรองรับเลเยอร์ประมวลผลด้วยตนเอง, เลเยอร์การเรียกดูข้อมูลด้วย EigenDA และเลเยอร์การชำระเงินผ่านอีเธอเรียม นอกจากนี้ Mantle ยังวางแผนเปลี่ยนไปใช้ ZK Rollup บนพื้นฐาน OP Succinct ซึ่งจะเพิ่ม ‘ความเร็วในการยืนยันธุรกรรม’, ‘ลดค่าธรรมเนียม’ และ ‘เพิ่มความเป็นส่วนตัว’ ของการทำธุรกรรมอย่างมีนัยสำคัญ

โทเคนประจำเครือข่าย MNT ถูกใช้เป็น ‘ค่าธรรมเนียมธุรกรรม’, ‘การกำกับดูแล’ และ ‘รางวัลในระบบนิเวศ’ โดยมี 46% ของอุปทานทั้งหมดเก็บไว้ใน Mantle Treasury ซึ่งถือครองสินทรัพย์มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็น DAO ขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ตัวอย่างหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุน คือ กองทุน Venture Fund มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ในชื่อ ‘Mantle EcoFund’ และสินทรัพย์แบบดัชนี ‘Mantle Index Four (MI4)’ ที่รวม BTC, ETH, SOL และสเตเบิลคอยน์ไว้ในสัดส่วนปรับได้ รูปแบบนี้ได้นำหลักวินัยของการเงินดั้งเดิมมาใช้ในบริหารสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างโดดเด่น

ในแวดวง DeFi Mantle เองก็กำลังเติบโต โดยมียอดเงินฝาก(TVL) ทั้งระบบทะลุ 600 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2024 และคงสภาพคล่องไว้มากกว่า 220 ล้านดอลลาร์ แพลตฟอร์มหลักที่สร้างมูลค่านี้ ได้แก่ DEX อย่าง Merchant Moe และ Agni Finance ซึ่งรวมกันถือครอง TVL มากกว่าครึ่ง และในด้านสเตเบิลคอยน์ USDT มีสัดส่วนสูงที่สุด อีกด้านหนึ่ง โปรโตคอล mETH ได้ก้าวสู่การเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์ม liquid staking ระดับโลก 5 อันดับแรก และโทเคนที่ได้จาก re-staking อย่าง cmETH ยังทำหน้าที่สนับสนุนทั้ง EigenLayer และโครงสร้างพื้นฐานของ Mantle เอง

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือการพัฒนา FBTC ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่อิงกับบิตคอยน์(BTC) โดยมีโครงสร้าง custody แบบไร้ศูนย์กลาง(MPC และ TSS) และใช้ Chainlink ในการตรวจสอบหลักประกันแบบ 1:1 แบบเรียลไทม์ โครงสร้างนี้ถือเป็น *ตัวอย่างของการกระจายอำนาจในการกำกับดูแล* ที่แตกต่างจากโมเดล WBTC ซึ่งต้องพึ่งพาผู้ให้บริการ centralized custody

นอกจากนี้ Mantle ยังเปิดตัวแอป UR ซึ่งให้บริการบัญชีหลายสกุลเงินที่อยู่ภายใต้กฎหมายของสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมฟีเจอร์ On/Off-ramp และการแปลงสินทรัพย์ระหว่างคริปโตกับการเงินแบบดั้งเดิม ผู้ใช้งานสามารถเปิดบัญชีได้โดยผ่านการยืนยันตัวตน(KYC) และในอนาคตจะมีบริการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ mETH และ MI4 เพิ่มเติม

BloFin ยังชี้ว่า เส้นทางการพัฒนาของ Mantle กำลังเคลื่อนจากการเป็นโครงสร้างพื้นฐานเลเยอร์2 ไปสู่การเป็น *กลุ่มโปรโตคอลทางการเงินแบบเบ็ดเสร็จ* โดยมี MantleX ซึ่งเป็นองค์กร AI-Native ที่จะเข้ามาดูแลการบริหารคลัง, การวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน และการจัดการชุมชน โดยใช้เอเจนต์ AI ซึ่งช่วยเสริมเป้าหมายในการสร้างระบบการเงินที่ ‘อัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพ’

Mantle Network ไม่ได้เป็นเพียงทางออกด้านค่าธรรมเนียมแพงอีกต่อไป แต่กำลังก้าวสู่การเป็น ‘ระบบปฏิบัติการทางการเงินแบบครบวงจร’ ที่ผนวกความสามารถด้านธนาคาร, การเทรด, staking และ asset management ไว้ในเครือข่ายเดียว ทั้งหมดนี้อาจทำให้ Mantle กลายเป็นผู้ท้าชิงอันดับต้นๆ ของตลาดคริปโตในยุคใหม่ *ความคิดเห็น*

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1