เครือข่ายเลเยอร์ 2 ของอีเธอเรียม(ETH) อย่าง ลีเนีย(Linea) ประกาศแผนออกโทเคนใหม่และกิจกรรมแอร์ดรอป พร้อมรวม ‘การเผาอีเธอเรียม’ เป็นหนึ่งในโครงสร้างหลักของระบบ ซึ่งเป็นความพยายามเพื่อเสริมสร้าง ‘การจัดแนวด้านเศรษฐกิจ’ กับเครือข่ายหลักอย่างอีเธอเรียม โดยลีเนียนั้นตั้งเป้าที่จะกลายเป็น “ศูนย์กลางเงินทุนของ ETH” ในระยะยาว
ประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลเพิ่มขึ้นว่า เลเยอร์ 2 จำนวนมากกำลังเบียดเบียนรายได้ค่าธรรมเนียมและกิจกรรมของอีเธอเรียมเมนเน็ต ลีเนียจึงพยายามปรับโครงสร้างผลประโยชน์ให้ตอบแทนกลับคืนสู่ระบบนิเวศมากขึ้น โดยกิจกรรม Token Generation Event (TGE) ที่วางแผนไว้ว่าจะเกิดขึ้นภายในครึ่งปีแรก จะจัดสรร 85% ของโทเคนทั้งหมดให้แก่ชุมชน และอีก 15% จะถูกสำรองไว้สำหรับคลังของบริษัท คอนเซนซิส (ConsenSys) ภายใต้เงื่อนไขล็อกโทเคนเป็นเวลา 5 ปี
แม้กำหนดการ TGE อย่างเป็นทางการยังไม่ระบุแน่ชัด แต่ ดีแคลน ฟอกซ์ (Declan Fox) หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของโครงการกล่าวว่า เงื่อนไขของแอร์ดรอปจะประกาศล่วงหน้าสูงสุดไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ อีกหนึ่งไฮไลต์คือกลไกการสเตคที่จะเริ่มเปิดใช้งานในเดือนตุลาคม โดยออกแบบให้ผู้ใช้ได้รับผลตอบแทนเมื่อ ‘บริดจ์อีเธอเรียม’ เข้าสู่เครือข่ายลีเนีย ทั้งนี้ ETH ที่ถูกบริดจ์เข้ามาจะถูกนำไปใช้ในกิจกรรมดีไฟ (DeFi) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และสร้าง ‘วงจรทุนที่หมุนเวียนอย่างยั่งยืน’ ซึ่งจะช่วยผลักดันปริมาณธุรกรรมและเงินฝากโดยรวมในระยะยาว
โจเซฟ ลูบิน (Joseph Lubin) ซีอีโอของคอนเซนซิส กล่าวว่า ลีเนียคือเลเยอร์ 2 เดียวที่สามารถ ‘เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์’ กับอีเธอเรียมในเชิงเทคนิค และมีรูปแบบเศรษฐกิจที่สนับสนุนวิสัยทัศน์ดังกล่าว โดยเน้นว่า รางวัลจากการสเตคจะถูกกระจายไปยังโปรโตคอลดีไฟต่างๆ บนลีเนีย เพื่อเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ผู้ให้บริการสภาพคล่อง
ลีเนียยังถือเป็นเลเยอร์ 2 รายแรกที่ ‘ประกาศใช้นโยบายเผาอีเธอเรียมอย่างเป็นทางการ’ โดยระบุว่า 20% ของค่าธรรมเนียมธุรกรรมจากเครือข่ายจะถูกนำไปใช้ในการเผาอีเธอเรียม ขณะที่อีก 80% จะนำไปเผาโทเคนของตัวเองอย่าง LINEA เพื่อสร้างโครงสร้าง ‘ลดอุปทานแบบถาวร’
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า ลีเนียครองส่วนแบ่งตลาดเลเยอร์ 2 อยู่ที่ 1.23% มีมูลค่าสินทรัพย์ออนเชนรวมราว 513 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 7,128 ล้านบาท โดยฟอกซ์ยืนยันว่า เป้าหมายต่อไปคือการทำให้เมนเน็ตของลีเนียเป็น ‘บล็อกเชนที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับเงินทุน ETH’ ซึ่งจะช่วยรับมือกับความต้องการในอนาคต พร้อมกล่าวว่า ลีเนียสามารถมอบ ‘ผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยง’ แก่ผู้ที่นำสภาพคล่อง ETH เข้ามาใช้งาน
เครือข่ายจากคอนเซนซิส และพลังชุมชนของกระเป๋าเงินยอดนิยมอย่าง เมตามาสก์(MetaMask) ยังมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดผู้ใช้ใหม่และนักพัฒนา ซึ่งจะทำให้ลีเนียสามารถก้าวขึ้นเป็น ‘อสังหาริมทรัพย์ดิจิทัลแห่งยุคถัดไป’ ได้อย่างมั่นคง
ความคิดเห็น 0