ราคาของโทเคน *เพนจี้เพนกวิน(PENGU)* ร่วงลงราว 9% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ลงมาอยู่ที่ระดับประมาณ 0.038 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 53 บาท) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในระยะกลางยังคงเป็นขาขึ้น โดยจากมุมมองทางเทคนิค หากสามารถผ่านระดับสูงสุดเดิมที่ 0.043 ดอลลาร์ (ประมาณ 60 บาท) ไปได้ ก็อาจมีโอกาสขึ้นทำ *ราคาสูงสุดใหม่* ได้เช่นกัน
ตามข้อมูลของนักวิเคราะห์ตลาด เลนนาร์ต สไนเดอร์(Lennaert Snyder) ปัจจุบัน *เพนจี้เพนกวิน* เผชิญแรงขายที่บริเวณแนวต้านระยะสั้น 0.043 ดอลลาร์บ่อยครั้ง แต่หากสามารถเคลื่อนไหวในลักษณะกระแสขาขึ้นต่อเนื่องได้ อาจมีโอกาสพุ่งไปแตะระดับราคาประมาณ 0.073 ดอลลาร์ (ประมาณ 101 บาท) ซึ่งเป็นจุดสำคัญตามแนว *ฟีโบนักชีขยาย* จากรอบก่อนหน้า
ข้อมูลการซื้อขายจากอัพบิทยังชี้ว่ามีความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์สินทรัพย์ดิจิทัล แคส อาเบ(Cas Abbé) ระบุว่าขณะนี้มีนักลงทุนรายใหญ่บางรายเปลี่ยนสถานะจาก *ดอจคอยน์(DOGE)* มาเป็น *เพนจี้เพนกวิน* มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณการซื้อขายของเพนจี้เพนกวินที่แซงหน้าดอจคอยน์ ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตาและสะท้อนถึง *การย้ายกระแสเงินในตลาด*
ด้านข้อมูลทางเทคนิคยังคงส่งสัญญาณผสม โดยเพนจี้เพนกวินยังคงเคลื่อนไหวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน สะท้อนถึงโมเมนตัมระยะสั้นที่ยังเป็นบวก แต่ตัวชี้วัด MACD กลับแสดงภาพนิ่ง โดยเส้นค่าเฉลี่ยหลักและเส้นสัญญาณขยับเข้าใกล้กันอย่างชัดเจน ซึ่งอาจหมายถึง *แรงขาขึ้นเริ่มชะลอตัว* ขณะเดียวกันบริเวณแนวต้านฝั่งบนของ *Bollinger Band* ก็กำลังกดดันราคา
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ระดับ 0.038 ดอลลาร์จะเป็นแนวรับสำคัญของเพนจี้เพนกวิน หากราคาหลุดจากจุดนี้ อาจกระตุ้นการขายรอบใหม่ อย่างไรก็ตาม หากราคาสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวไว้ได้ และกลับไปทดสอบแนวต้านอีกครั้ง ก็มีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อมหาศาลกลับเข้าสู่ตลาด
ทั้งนี้ *เพนจี้เพนกวิน* เคยประสบปัญหาราคาลดลงหลังจากการแจกโทเคนฟรี (Airdrop) มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.08 หมื่นล้านบาท) แต่ล่าสุดราคาเริ่มปรับตัวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง กระตุ้นความหวังใหม่ในหมู่นักลงทุน ซึ่ง *ความสำเร็จในการเบรกผ่านภาวะชะงักงัน* นั้น จะขึ้นอยู่กับแรงซื้อที่ยังคงต่อเนื่อง และความสามารถในการ *ฝ่าแนวต้านในระยะสั้น* ได้หรือไม่
ความคิดเห็น 0