ในขณะที่ข้อพิพาททางกฎหมายระหว่างริปเปิล(XRP)และคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ยังคงรอคำตัดสินขั้นสุดท้าย ระบบนิเวศของริปเปิลก็กำลังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตา เมื่อเร็ว ๆ นี้ สเตเบิลคอยน์ของริปเปิลภายใต้ชื่อ ‘RLUSD’ ได้เติบโตภายใต้การสนับสนุนของสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม ขณะที่ตัว XRP เองยังพยายามหาแนวทางฟื้นตัวท่ามกลางความผันผวนของราคา
การฟ้องร้องที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2020 ระหว่างริปเปิลและ SEC ดำเนินมากว่า 3 ปี ประเด็นสำคัญอยู่ที่การตีความว่า XRP เป็น ‘หลักทรัพย์’ หรือไม่ โดย SEC เคยเรียกค่าปรับจากริปเปิลสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 2.78 แสนล้านบาท) อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2023 ผู้พิพากษาอันนาลิซา ตอร์เรส มีคำวินิจฉัยว่าการซื้อขาย XRP ในตลาดรองไม่ถือเป็นหลักทรัพย์ ส่งผลให้ค่าปรับถูกลดเหลือ 125 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 1.73 หมื่นล้านบาท) ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้เจรจาเพื่อหาข้อตกลงใหม่ และตกลงค่าปรับที่ 50 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 6.95 พันล้านบาท) แต่ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ เนื่องจาก SEC ได้ยื่นอุทธรณ์ และจะต้องรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการอุทธรณ์ภายในวันที่ 15 สิงหาคม
มีสัญญาณว่าบรรยากาศภายใน SEC ต่อกรณีนี้เริ่มเปลี่ยนแปลง ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในสหรัฐอย่าง บิล มอร์แกน แสดงความเห็นว่า SEC อาจมีการลงคะแนนภายในเพื่อยุติคดี ขณะที่ มาร์ก พาเกล อดีตผู้นำสำนักงาน SEC สาขาซานฟรานซิสโก ก็กล่าวว่า “กระบวนการตอนนี้เหลือเพียงการอนุมัติจากภายใน” ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวทางกำกับดูแลของ XRP ในอนาคต
ขณะเดียวกัน สเตเบิลคอยน์ *RLUSD* ที่ริปเปิลเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็กำลังเจริญเติบโตอย่างชัดเจน โดย RLUSD ถูกตรึงมูลค่าไว้ที่เงินดอลลาร์สหรัฐในอัตรา 1:1 และถูกออกแบบมาใช้ในระบบการโอนเงินระหว่างประเทศและการชำระเงินระหว่างสถาบัน ที่น่าสนใจคือ BNY เมลลอน—ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในสหรัฐ—ได้ร่วมเป็นผู้ดูแลรักษาสินทรัพย์ RLUSD ขณะที่ธนาคารอามินา แห่งสวิตเซอร์แลนด์ กลายเป็นธนาคารแห่งแรกที่รองรับ RLUSD โดยตรง โดยฝั่งธนาคารอามินาระบุว่า ความโปร่งใสและระดับการกำกับดูแลของ RLUSD สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สินทรัพย์ดิจิทัลของทางธนาคาร พร้อมเตรียมเปิดให้ลูกค้าสถาบันเข้าถึง RLUSD ได้อย่างครบถ้วน
ในปัจจุบัน RLUSD มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 600 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 8.34 หมื่นล้านบาท) แสดงให้เห็นถึงอัตราการเติบโตที่มั่นคง
ทางด้านราคา XRP ก็ได้รับความสนใจสูงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดที่เริ่มกลับเข้าสู่แนวโน้มพักฐาน ราคาของ XRP เคยร่วงลงไปที่ระดับ 2.75 ดอลลาร์(ประมาณ 3,822 บาท) ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือ 3 ดอลลาร์(ประมาณ 4,170 บาท) ได้อีกครั้ง ข้อมูลบางส่วนจากออนเชนชี้ไปในทิศทางลบ ตัวอย่างเช่น สัดส่วน MVRV เกิดสัญญาณ ‘เดธครอส’ และปรากฏการขายของนักลงทุนรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านคริปโตบางรายที่มองเชิงบวก เช่น ‘CRYPTOWZRD’ ประเมินว่า XRP อาจขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับ 3.65 ดอลลาร์(ประมาณ 5,074 บาท) ขณะที่ ‘Crypto Rand’ ถึงกับระบุว่า “แม้ฉันจะไม่ใช่แฟน XRP แต่ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะ *ระเบิดอย่างรุนแรง* เลยก็ว่าได้”
แม้ XRP จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบและความผันผวนของตลาด แต่หาก *การใช้งานจริงของ RLUSD ขยายตัวต่อเนื่อง* ควบคู่กับความเสี่ยงด้านกฎหมายที่เริ่มคลี่คลาย ก็อาจผลักดันให้ XRP พลิกกลับมาเป็นขาขึ้นในระยะกลางถึงยาวได้เช่นกัน ทั้งนี้ ผลกระทบจากคำตัดสินสุดท้ายของคดีระหว่างริปเปิลและ SEC ยังเป็นประเด็นใหญ่ที่อาจส่งแรงกระเพื่อมต่อวงการคริปโตโดยรวมในอนาคต
ความคิดเห็น 0