ริปเปิล(Ripple) เตรียมขยายอิทธิพลในตลาดการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์ โดยวางแผนเข้าซื้อกิจการของ *เรล* (Rail) แพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก ด้วยมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7,780 ล้านบาท) โดยข้อตกลงจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล
โมนิกา ลอง(Monica Long) ประธานบริหารของริปเปิล กล่าวว่า การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้บริษัทเป็นกำลังสำคัญของ *นวัตกรรมการชำระเงินด้วยสเตเบิลคอยน์* ในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่บทบาทของสเตเบิลคอยน์เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นในฐานะเครื่องมือในการแก้ปัญหาข้อจำกัดของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินแบบดั้งเดิม ลองเน้นว่าเทคโนโลยีของ *เรล* จะช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถเข้าถึงโซลูชันการเงินที่เร็วขึ้นและอัตโนมัติมากขึ้นผ่านบล็อกเชน
การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ยังเชื่อมโยงโดยตรงกับยุทธศาสตร์การเติบโตของ *อาร์แอลยูเอสดี(RLUSD)* ซึ่งเป็นสเตเบิลคอยน์ที่ริปเปิลเพิ่งเปิดตัว โดย RLUSD จะถูกใช้งานร่วมกับ *ริปเปิล(XRP)* เพื่อรุกตลาดการชำระเงินข้ามพรมแดนระหว่างองค์กร หากเทคโนโลยีของเรลถูกรวมเข้าระบบได้อย่างราบรื่น ก็จะสามารถรองรับการชำระเงินทั้งในรูปแบบเงินตราทั่วไปและสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มเดียวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ริปเปิลตั้งเป้าว่าจะสามารถครอง *ส่วนแบ่ง 10% ของตลาดการชำระเงิน B2B ด้วยสเตเบิลคอยน์ทั่วโลก* ผ่านแพลตฟอร์มของเรลภายในปี 2025 ซึ่งคาดว่าตลาดนี้จะมีมูลค่าราว 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 127,000 ล้านบาท) การผนึกกำลังกันของทั้งสองบริษัทจึงถูกมองว่าอาจสร้าง ‘ซินเนอร์จี’ ที่ทรงพลัง โดยเฉพาะการนำ *ระบบการประมวลผลการชำระเงินแบบเรียลไทม์ของเรล* มาผสานกับโครงสร้างด้านสภาพคล่องและการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่ริปเปิลมีอยู่แล้ว
"ริปเปิลวันนี้เป็นเครือข่ายการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีการใช้งานจริงมากที่สุดในโลก และการเข้าซื้อเรลในครั้งนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันถึงวิสัยทัศน์ของเราที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถโอนเงินได้จากทุกที่ ทุกเวลา อย่างแท้จริง" ลองกล่าว พร้อมย้ำถึง *ความพร้อมด้านกฎหมาย* ซึ่งริปเปิลได้รับอนุมัติจากสำนักงานบริการทางการเงินนิวยอร์ก (NYDFS) สำหรับการเปิดตัว RLUSD แล้วด้วย
การซื้อกิจการดังกล่าวยังมีเป้าหมายเพื่อเปิดทางให้ลูกค้าระดับองค์กร เช่น บริษัทยักษ์ใหญ่หรือผู้จัดการกองทุน สามารถดำเนินการชำระเงินด้วยคริปโตโดยไม่จำเป็นต้องถือสินทรัพย์ดิจิทัลเอง เทคโนโลยีของเรลถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้เข้าถึงตลาดได้อย่าง ‘มีประสิทธิภาพ’ และ ‘สอดคล้องกับมาตรฐานกำกับดูแล’ ในเวลาเดียวกัน
กลยุทธ์ของริปเปิลในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการเติบโตทางธุรกิจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความพยายามในการวางรากฐาน *มาตรฐานใหม่ของการชำระเงินสำหรับองค์กรบนระบบบล็อกเชน* โดยโครงสร้างพื้นฐานแบบผสมผสานที่ขับเคลื่อนโดย RLUSD และ XRP อาจกลายเป็นตัวเร่งให้สเตเบิลคอยน์ก้าวขึ้นมามีบทบาทเป็น *ช่องทางการชำระเงินระดับโลก* อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต
ความคิดเห็น 0