อีเธอเรียม(ETH) ฟื้นตัวจากแนวรับสำคัญที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,255,000 บาท) ท่ามกลางกระแสเงินทุนจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าสู่ ETF แบบสปอตในสหรัฐ และปริมาณเหรียญที่ฝากไว้ในกระดานแลกเปลี่ยนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สถานการณ์นี้สร้างแรงสนใจในตลาดเกี่ยวกับทิศทางราคาที่กำลังจะมาถึง โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าอีเธอเรียมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเทคนิค ซึ่งจะมี 4 ทางเลือกที่อาจเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 15 (เวลาท้องถิ่น) อีเธอเรียมถูกซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,650 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,464,000 บาท) เพิ่มขึ้น 19% ภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยระดับราคาปัจจุบันอยู่ใกล้กับขอบบนของกรอบราคาระยะยาว ทั้งนี้ เลนาร์ด สไนเดอร์(Lennaert Snyder) นักวิเคราะห์สินทรัพย์คริปโต ระบุว่า หากอีเธอเรียมสามารถทะลุแนวต้านที่ 4,780 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,644,000 บาท) ได้ ก็มีโอกาสทะยานขึ้นถึง 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,950,000 บาท) อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถรักษาระดับเหนือ 4,490 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,235,000 บาท) ได้ อาจถอยลงมาทดสอบแนวรับลึกที่ 4,320–4,380 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,005,000–6,078,000 บาท)
หนึ่งในปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นเชิงบวกของตลาด มาจากการไหลเข้าของเงินลงทุนใน ETF แบบสปอตที่เกี่ยวข้องกับอีเธอเรียมซึ่งดำเนินต่อเนื่องในช่วง 8 วันที่ผ่านมา โดยมีเงินทุนรวมถึง 3.71 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 51,540,000,000 บาท) หลั่งไหลเข้าสู่ ETF ในตลาดสหรัฐ โดยเฉพาะใน 'ETHA ETF' ของแบล็คร็อก(BlackRock) ที่ได้รับเงินลงทุนมากถึง 519.7 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7,221,000,000 บาท) ขณะที่ ETF ของเกรย์สเกล(Grayscale) และฟิเดลิตี(Fidelity) ก็มีเงินไหลเข้าในระดับหลายพันล้านบาทเช่นกัน
ท่ามกลางกระแสดังกล่าว ยังพบการซื้อสะสมจากนักลงทุนรายใหญ่หรือที่เรียกว่า ‘วาฬ’ โดยมีรายงานว่ากระเป๋าเงินของวาฬรายหนึ่งได้เข้าซื้ออีเธอเรียมในช่วงสองวันที่ผ่านมาด้วยมูลค่ารวมถึง 242.34 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,370,000,000 บาท)
การเปลี่ยนแปลงฝั่งอุปสงค์สะท้อนชัดจากปริมาณเหรียญที่อยู่บนกระดานแลกเปลี่ยน ซึ่งตามข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์คริปโต เครียปโตควอนต์(CryptoQuant) ระบุว่า ปัจจุบันมีอีเธอเรียมเหลืออยู่เพียง 18.5 ล้านเหรียญในแพลตฟอร์มของศูนย์กลางซื้อขาย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่นักลงทุนกำลังถอนเหรียญออกจากกระดานเพื่อถือครองแบบระยะยาวหรือเปลี่ยนไปสู่การสเตก ซึ่ง ‘ลดการหมุนเวียนของเหรียญ’ ในระบบ และอาจเป็นแรงผลักดันราคาขึ้นได้ในอนาคต
ตลาดกำลังจับตาว่าอีเธอเรียมจะสามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 4,780 ดอลลาร์ได้หรือไม่ เพราะหากไม่สำเร็จ การกลับไปทดสอบแนวรับที่ 4,490 ดอลลาร์อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยหนุนจากการไหลเข้าของทุนสถาบันผ่าน ETF และอุปทานที่ลดลงในกระดาน ก็ยิ่ง ‘เน้นย้ำความคาดหวังเชิงบวกในระยะกลางถึงยาว’ โดยเฉพาะเมื่อมีสัญญาณการสะสมอย่างต่อเนื่องของนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัวขึ้นในรอบใหม่
ความคิดเห็น 0