บิตคอยน์(BTC) เริ่มต้นสัปดาห์เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ด้วยความพยายามกลับขึ้นไปแตะระดับ 116,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 41.6 ล้านบาท) หลังตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดทำการ สร้างความสนใจในตลาดคริปโตอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การดีดตัวครั้งนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงราคาที่มีการเปิดตำแหน่งขาย(short) หนาแน่น ซึ่งทั้งสร้างความคาดหวังถึงแรงตอบสนองระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้แรง และความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในเวลาเดียวกัน
ขณะเดียวกัน สภาพจิตวิทยาของผู้เล่นในตลาดเริ่มปรับตัวเข้าสู่ภาวะ *อ่อนตัว* สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีหลักโดยรวมนำโดยบิตคอยน์และอีเธอเรียม(ETH) จากข้อมูลของตลาดซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแห่งชิคาโก (CME Group) พบว่า *ปริมาณการเปิดสถานะขายแบบใช้เลเวอเรจ* ของอีเธอเรียมพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนถึงการเปลี่ยนทิศทางของนักลงทุนไปในทางป้องกันความเสี่ยงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะกลุ่มกองทุนและผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงสูง
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีการวิเคราะห์ว่าแรงกดดันในตลาดเกิดจากการเตรียมรับมือกับการประชุม *แจ็กสันโฮล* ของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะถูกใช้เป็นเวทีแถลงแนวนโยบายการเงินในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนโยบายดอกเบี้ยหรือการอัดฉีดสภาพคล่องล้วนส่งผลโดยตรงต่อตลาดคริปโต จึงไม่น่าแปลกใจที่ภาคส่วนนี้จะแสดงความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในระยะสั้น ความผันผวนของราคาอาจสูงขึ้นจากแรง ‘ชำระบัญชีเลเวอเรจ’ รวมถึงแรงสั่นสะเทือนต่อโอกาส *การดีดตัวทางเทคนิค* ของบิตคอยน์ ผู้เชี่ยวชาญบางรายแสดง *ความเห็น* ว่า “หากเกิดภาวะ *ชอร์ตสควีซ (short squeeze)* ในระดับราคาปัจจุบัน อาจเป็นจุดเปลี่ยนระยะสั้นของทิศทางราคาได้” พร้อมเตือนว่า “หากไม่มีแรงซื้อสนับสนุน การกลับตัวครั้งนี้อาจเป็นเพียงการฟื้นตัวชั่วคราวเท่านั้น”
ส่วนตลาดอัลต์คอยน์ยังคงเคลื่อนไหวในโซน *ขาลง* โดยสกุลเงินอย่างเอ이다(ADA), โซลานา(SOL) และอวาแลนเช(AVAX) ต่างมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นักเทรดจำนวนมากเริ่มหันไปใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงระยะสั้น มากกว่าการถือครองระยะยาว สะท้อนถึงความไม่มั่นใจรุนแรงในตลาดคริปโตโดยรวมในเวลานี้
ความคิดเห็น 0