ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ประธานบริษัท ‘ไมโครสเตรทิจี’ มุ่งหน้าซื้อ *บิตคอยน์(BTC)* เพิ่มอีกครั้งในช่วงตลาดซบเซา โดยมีการเปิดเผยผ่านแพลตฟอร์ม X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่าบริษัทได้เข้าซื้อ บิตคอยน์จำนวน 430 BTC ที่ราคาเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 119,666 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 16.6 ล้านบาท ส่งผลยอดถือครองรวมของบริษัททะลุจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 629,376 BTC
จากมูลค่าการซื้อขายโดยรวมกว่า 51.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 714 ล้านบาท) การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น *กลยุทธ์การเก็บบิตคอยน์เมื่อตลาดร่วง* ที่ต่อเนื่องจากแนวทางของไมโครสเตรทิจีนับตั้งแต่เริ่มสะสมคริปโตตั้งแต่ปี 2020
ด้วยการลงทุนครั้งล่าสุด ทำให้อัตราผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีของบริษัท (YTD) พุ่งขึ้นเป็น 25.1% เพิ่มจากระดับ 20.2% เมื่อเดือนก่อน ขณะเดียวกันบิตคอยน์ที่ถืออยู่ในขณะนี้มีมูลค่ารวมประมาณ 46.15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 64.1 ล้านล้านบาท) โดยมีต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญอยู่ที่ 73,320 ดอลลาร์ หรือราว 1.09 ล้านบาท
แม้ว่าราคาของคริปโตจะร่วงลงในช่วงไม่นานนี้ อาจสร้างแรงกดดันต่อพอร์ตของบริษัทในระยะสั้น แต่เมื่อดูจาก *ผลตอบแทนสะสมในระยะยาว* และ *ความต่อเนื่องของกลยุทธ์การลงทุน* ก็ยังแสดงให้เห็นว่าบริษัทประสบความสำเร็จในการรักษาผลกำไรเอาไว้ได้ในภาพรวม
นักวิเคราะห์ในตลาดต่างตั้งข้อสังเกตว่าการซื้อครั้งนี้ของไมโครสเตรทิจี อาจเป็นมาตรการเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม หรืออาจสะท้อนถึง *ปรัชญาการลงทุนที่มองว่าช่วงขาลงคือโอกาส* อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ เซย์เลอร์และไมโครสเตรทิจี ยังคงเดินตามวิถีของ ‘ผู้ศรัทธาในบิตคอยน์’ อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
การเคลื่อนไหวครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นแค่เพียงการซื้อเพิ่ม แต่ยังส่งสัญญาณ *ความเชื่อมั่นระดับสถาบันที่มีต่อบิตคอยน์และคุณค่าในระยะยาว* ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเวลาที่ตลาดกำลังเผชิญแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น 0