ตลาดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมของบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจนนับตั้งแต่การลดรางวัลบล็อกในปี 2024 (Halving) ซึ่งกระตุ้นคำถามต่อความมั่นคงในระยะยาวของเครือข่าย งานวิจัยล่าสุดจากบริษัทด้านการลงทุนคริปโตชื่อดัง แกแล็กซีดิจิทัล เผยว่า บิตคอยน์ ‘อาจกำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะกลายเป็นระบบการชำระเงินที่ไม่มีธุรกรรมให้ชำระจริง’
หลังเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2024 กิจกรรมบนเครือข่ายที่เกี่ยวข้องกับออดินัลส์(Ordinals) และรูนส์(Runes) ได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ความต้องการใช้เครือข่ายบิตคอยน์เพื่อทำธุรกรรมลดลง ค่าเฉลี่ยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมจึงลดลงสู่ระดับต่ำสุดในหน่วยซาโตชิ และในบางบล็อกมีการประมวลผลธุรกรรมโดยไม่มีค่าธรรมเนียม รายงานระบุว่า ณ เดือนสิงหาคม 2025 กว่า 15% ของบล็อกทั้งหมดอาจเข้าเกณฑ์เป็น ‘บล็อกที่ไม่มีค่าธรรมเนียม’
สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อฝั่งนักขุดบิตคอยน์ เนื่องจากหลังเหตุการณ์ Halving ในปี 2024 รางวัลบล็อกลดลงเหลือเพียง 3.125 BTC (ราว 34.6 ล้านบาท) แต่รายได้จากค่าธรรมเนียมกลับลดลงมากกว่า 80% ทำให้แรงจูงใจในการรักษาเสถียรภาพของเครือข่ายอาจถูกสั่นคลอน ความเห็นจากนักวิเคราะห์หลายรายชี้ว่า หากเทรนด์นี้ยังดำเนินต่อ อาจกระทบต่อความมั่นคงของทั้งระบบในอนาคต
สาเหตุหลักของการลดลงนี้มาจากการเปลี่ยนแปลงด้านโครงสร้าง โดยเฉพาะการลดลงของธุรกรรมประเภท OP_RETURN ซึ่งเคยครองสัดส่วนถึง 60% ของธุรกรรมทั้งหมดในช่วงกระแสรูนส์สูงสุด แต่กลับลดลงเหลือเพียง 20% ทำให้ปัญหาความแออัดของพื้นที่บล็อกคลี่คลาย และค่าธรรมเนียมก็ตามลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม OP_RETURN ยังเป็นที่ถกเถียง เนื่องจากแม้มีจุดเด่นที่ไม่ส่งผลต่อชุด UTXO แต่ก็ถูกใช้เพื่อเก็บข้อมูลที่ไม่ใช่ธุรกรรมการเงิน ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นลักษณะ ‘สแปม’ ที่สิ้นเปลืองพื้นที่บล็อก โดยเวอร์ชันใหม่ของบิตคอยน์คอร์ v30 ที่จะปรับให้รองรับ OP_RETURN ได้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ร้อนแรงยิ่งขึ้น
ที่น่าสังเกตอีกจุดคือการย้ายกิจกรรมคริปโตออกนอกเครือข่ายบิตคอยน์ ปัจจุบัน ETF แบบถือครองจริงมีบิตคอยน์สะสมมากถึง 1.3 ล้าน BTC (ราว 14.4 ล้านล้านบาท) แต่แทบไม่มีการเคลื่อนไหวบนบล็อกเชน ขณะที่กิจกรรมอย่าง NFT และมีมคอยน์ต่างย้ายไปใช้แพลตฟอร์มอย่างโซลานา(SOL) ซึ่งเร็วกว่าและถูกกว่า เป็นอีกปัจจัยที่ลดแรงจูงใจในการใช้เครือข่ายบิตคอยน์
แกแล็กซีดิจิทัลเตือนว่าหากแนวโน้มนี้ยังดำเนินต่อ บิตคอยน์อาจกลายเป็นเพียง ‘เลเยอร์สำหรับเก็บสินทรัพย์’ ที่ทำหน้าที่แค่ปรับยอดบัญชี โดยมีระบบภายนอกอย่าง ETF และตลาดแลกเปลี่ยนควบคุมการไหลเวียนโดยไม่ผ่านเครือข่ายจริง ซึ่งหมายถึงการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมในอนาคต
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่าการตรวจสอบด้านความปลอดภัยควรศึกษาร่วมกับโครงสร้างของ UTXO ด้วย โดยยังคงมีบิตคอยน์จำนวนมากที่อยู่ในรูปแบบสคริปต์เก่า เช่น P2PK และ P2PKH ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการคุกคามจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่อย่างไรก็ดี รูปแบบใหม่อย่าง Taproot และ P2WPKH กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท้ายที่สุด แกแล็กซีดิจิทัลสรุปว่า ‘หากบิตคอยน์ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างเหมาะสม เครือข่ายคริปโตนี้อาจเผชิญภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงและความยั่งยืน’ โดยเน้นว่าความปลอดภัยของบิตคอยน์ที่ใช้โมเดลค่าธรรมเนียมบน UTXO นั้นขึ้นอยู่กับ ‘ปริมาณธุรกรรม’ หากแนวโน้มธุรกรรมยังคงลดลง อาจเสี่ยงต่อความเชื่อมั่นในระบบโดยรวมในระยะยาว
ความคิดเห็น 0