บิตคอยน์(BTC) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง สร้างความตื่นตระหนกไปทั่วตลาดคริปโต พร้อมกับแรงเทขายอย่างหนักที่ส่งผลให้มีการ *ชำระบัญชีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า(Long Position) มูลค่ากว่า 4,170 พันล้านวอน* ทั่วทั้งตลาด โดยก่อนหน้านั้น บิตคอยน์เคลื่อนไหวอย่างมั่นคงที่ระดับ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,603.5 ล้านบาท) ในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ในช่วงค่ำวันเสาร์ ราคากลับร่วงลงฉับพลันแตะระดับ 110,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,553.4 ล้านบาท)
การร่วงลงครั้งนี้ได้ลบล้างบรรยากาศเชิงบวกที่เริ่มก่อตัวขึ้นหลังแถลงการณ์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งก่อนหน้านี้ บิตคอยน์ได้ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำกว่า 112,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,556.8 ล้านบาท) ขึ้นไปแตะ 117,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,626.3 ล้านบาท) ภายในระยะเวลาอันสั้น อย่างไรก็ตาม ราคาก็ได้กลับลงมาอยู่ใกล้ระดับ 113,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1,570.7 ล้านบาท) อีกครั้ง โดยทิ้งสัญญาณของความไม่แน่นอนในตลาดไว้เบื้องหลัง
อีเธอเรียม(ETH) ก็ได้รับผลกระทบในทิศทางเดียวกัน โดยหนึ่งในจุดสูงสุดใหม่ที่ ETH ทำได้คือ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,950 ล้านบาท) แต่ไม่นานนักก็ร่วงลงไปที่ 4,700 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,543 ล้านบาท) ก่อนฟื้นตัวขึ้นมาใกล้ระดับ 4,800 ดอลลาร์ (ประมาณ 6,672 ล้านบาท) ความพยายามทะลุแนวต้าน ‘5,000 ดอลลาร์’ จึง *สิ้นสุดลงอย่างไม่สำเร็จ*
ข้อมูลจาก CoinGlass เผยว่า การชำระบัญชีในครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว โดยมีมูลค่ารวมกว่า 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4,170 พันล้านวอน) โดยที่กว่า 90% ของจำนวนดังกล่าวเป็นการปิดสถานะ Long Position เทรดเดอร์มากกว่า 130,000 รายถูกบังคับปิดสถานะภายในวันเดียว โดยดีลที่ใหญ่ที่สุดเกิดบนแพลตฟอร์ม OKX มูลค่ากว่า 12 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,670 ล้านบาท)
ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การร่วงลงอย่างฉับพลันของคริปโตในครั้งนี้มีลักษณะของ ‘Long Squeeze’ ซึ่งมีเป้าหมายกวาดล้างสถานะของนักลงทุนที่ถือตำแหน่งซื้อไว้จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาบิตคอยน์เพิ่มขึ้นติดต่อกัน นักลงทุนบางส่วนอาจมองว่าเป็นช่วงพักฐานจึงเทขายสถานะอย่างพร้อมเพรียง สำหรับความเป็นไปได้ของการฟื้นตัวของราคาจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐและคำแถลงของธนาคารกลางในสัปดาห์นี้
เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึง *ความเสี่ยงจากความผันผวนสูงในตลาดคริปโต* ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อ ETH เพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่หลายครั้ง ทำให้นักลงทุนที่ไล่ซื้อใกล้จุดสูงสุดต้องเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น ตลาดจึงส่งสัญญาณเตือนให้นักลงทุนควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงและวางกลยุทธ์ให้รัดกุมมากขึ้นในระยะต่อไป
ความคิดเห็น 0