เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) Chainlink ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ เอสบีไอ โฮลดิงส์(SBI Holdings) ยักษ์ใหญ่ด้านการเงินจากญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาโซลูชันสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับสถาบันการเงินในภูมิภาคเอเชีย โดยจะมุ่งเน้นใช้เทคโนโลยี *บล็อกเชน* ที่เชื่อถือได้ของ Chainlink(LINK) เป็นฐานหลักในการเร่งการนำบล็อกเชนมาใช้จริงในแวดวงการเงิน
การร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ *การโทเคนสินทรัพย์จริง (RWA)* เช่น *พันธบัตรบนบล็อกเชน(On-chain bonds)* เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันบนหลายเครือข่ายบล็อกเชน นอกจากนี้ยังรวมถึง *การตรวจสอบเงินสำรองของสเตเบิลคอยน์แบบออนเชน* และการอัปเดตข้อมูล *มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)* ของกองทุนที่ถูกโทเคนให้แสดงผลบนบล็อกเชน ซึ่งล้วนเป็นสาขาที่ Chainlink มีความเชี่ยวชาญสูง โดยเฉพาะด้านฟีดข้อมูลและเทคโนโลยีการทำงานร่วมกันระหว่างเครือข่าย
การประกาศครั้งนี้มีขึ้นจากท่าทีเชิงรุกของ SBI ที่เพิ่งเปิดเผยความร่วมมือกับบริษัทคริปโตอื่นๆ ถึงสี่แห่งในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ Circle ผู้พัฒนา *สเตเบิลคอยน์*, Ripple(XRP), และ Startrail บริษัทด้าน Web3 Infrastructure โดย *ความคิดเห็น* ของวงการต่างชี้ว่า การร่วมมือกับ Chainlink ตอกย้ำกลยุทธ์ของ SBI ในการขยายบทบาทในระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัล
SBI ยังเปิดเผยด้วยว่า เทคโนโลยี Cross-Chain Interoperability Protocol(CCIP) ของ Chainlink จะถูกนำมาใช้ในการยกระดับการประมวลผล *ธุรกรรม FX และการชำระเงินข้ามพรมแดน* ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงโลกการเงินดั้งเดิมเข้ากับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นรูปธรรม พวกเขายังตั้งเป้าที่จะสร้างมาตรฐานในการชำระเงินแบบ stablecoin ที่สอดคล้องกับข้อกำกับทางการเงินอีกด้วย
เซอร์เกย์ นาซารอฟ ผู้ร่วมก่อตั้ง Chainlink ระบุว่า “การจับมือกับ SBI ถือเป็นผลลัพธ์จากความพยายามยาวนานในด้านการชำระเงินด้วย stablecoin และการโทเคนสินทรัพย์จริง และกำลังเข้าสู่เฟสของการใช้งานในระดับอุตสาหกรรม” ขณะที่ โยชิทากะ คิตาโอะ ซีอีโอของ SBI กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้จะเร่งให้เกิดการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้จริงอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่นและทั่วภูมิภาคเอเชีย”
แนวโน้มจากความร่วมมือล่าสุดชี้ให้เห็นว่า ความร่วมมือระหว่าง SBI กับ Chainlink ไม่ใช่แค่โครงการทดลองชั่วคราว แต่เป็นพันธมิตรระยะยาวที่พร้อมจะผลักดันโลกการเงินเอเชียเข้าสู่การใช้เทคโนโลยี *บล็อกเชน* และ *สินทรัพย์ดิจิทัล* อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการโทเคนสินทรัพย์, การจัดการเงินสำรองของ stablecoin หรือการประมวลผลการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแบบไร้พรมแดน ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของวงการการเงินในอนาคตอันใกล้
ความคิดเห็น 0