ในตลาดคริปโต ผู้เล่นรายใหญ่หรือ ‘นักลงทุนสถาบัน’ กำลังดำเนินเกมที่แตกต่างออกไปจากนักลงทุนรายย่อยอย่างสิ้นเชิง โดยพวกเขาใช้กลยุทธ์เข้าซื้อล่วงหน้าด้วย *ราคาส่วนลดสูงถึง 70% จากราคาตลาด* ผ่านการซื้อขายนอกตลาดหรือ ‘OTC’ จากนั้นจึงเปิดสถานะ ‘ชอร์ต’ ในตลาดฟิวเจอร์สแบบไม่มีวันหมดอายุ (Perpetual Futures) ด้วยจำนวนโทเคนเท่ากัน เพื่อปิดความเสี่ยงด้านราคาและล็อกผลตอบแทน โดยโครงสร้างนี้สามารถสร้างกำไรแบบสองหลักได้อย่างมั่นคง
ข้อมูลจากเยลเล บูท(Jelle Buth) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทสร้างสภาพคล่อง ‘เอนฟลักซ์(Enflux)’ เปิดเผยว่า กลยุทธ์นี้สามารถสร้างผลตอบแทนสูงสุด *ถึง 120% ต่อปี* โดยไม่มีความเสี่ยงใด ๆ ต่อราคาที่ผันผวน โดยมีกุญแจสำคัญอยู่ที่การได้รับจัดสรรโทเคนในราคาพิเศษ พร้อมเงื่อนไขล็อกเหรียญอีก 3-4 เดือน ทั้งยังดำเนินการ ‘ชอร์ต’ เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ตั้งแต่ต้น ส่งผลให้นักลงทุนสามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงไม่ว่าตลาดจะขึ้นหรือลงก็ตาม
บูทเปิดเผยว่า “เอนฟลักซ์เองก็เข้าร่วมกลยุทธ์นี้อย่างจริงจัง” พร้อมเสริมว่า “รูปแบบนี้เป็นการระดมทุนที่โปรเจกต์ต่าง ๆ พึงพอใจ ในขณะเดียวกันก็รับประกันผลตอบแทนที่แน่นอนให้กับนักลงทุน” อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังผลตอบแทนอันน่าดึงดูดนี้คือ *ความเสี่ยงที่ถูกผลักไปยังนักลงทุนรายย่อย* เพราะทันทีที่นักลงทุนสถาบันปลดล็อกโทเคนหรือลดสถานะป้องกันความเสี่ยง จะเกิด *แรงขายจำนวนมากในตลาดรอง* และผู้ที่ต้องรองรับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คือกลุ่มผู้เล่นตัวเล็ก
“ผมไม่เคยอยากเป็นนักลงทุนรายย่อยเลยแม้แต่น้อย” บูทกล่าวตรงไปตรงมา โดยเขาชี้ว่า นักลงทุนสถาบัน, กองทุน และมาร์เก็ตเมกเกอร์ ต่างมีการแบ่งปันข้อมูลกันภายใน และสามารถดำเนินธุรกรรมเหล่านี้ได้อย่างเป็นระบบ ในขณะที่รายย่อยกลับเข้าถึงข้อมูลและโครงสร้างการลงทุนเช่นนี้ไม่ได้เลย ทำให้ *การกระจายโอกาสในตลาดยังคงไม่เท่าเทียม* และคนที่ต้องรับมือกับความผันผวนแทบทุกครั้งก็คือ ‘รายย่อย’ เสมอ
ความคิดเห็น 0