อีเธอเรียม(ETH) กลับมาเป็นจุดสนใจของตลาดอีกครั้ง หลังจากราคา *พุ่งขึ้นอย่างชัดเจน* ท่ามกลางความผันผวนของตลาด เมื่อวันที่ 27 อีเธอเรียมปรับตัวขึ้นกว่า 4.6% ภายใน 24 ชั่วโมง ทะลุระดับ 4,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.39 ล้านบาท) พร้อมทั้งขยับขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 21 วันที่ระดับ 4,355 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ทำให้นักลงทุนจับตาความเป็นไปได้ในการ *ทะลวงแนวต้านสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้*
ตามรายงานของบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล ‘เมตริกซ์พอร์ต’ ราคาของอีเธอเรียมกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงกว้างระหว่าง 4,355 ถึง 4,958 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.03 ล้าน – 6.87 ล้านบาท) ซึ่งเป็นช่วงที่มีความ *ผันผวนสูง* และอาจเผชิญแรงขายอย่างหนัก โดยในภาวะแบบนี้ ความแข็งแกร่งด้านฐานทุน โดยเฉพาะการไหลเข้าของเงินจากกลุ่ม *นักลงทุนสถาบัน* ถือเป็นปัจจัยชี้ชะตา
หนึ่งในตัวอย่างการสะสมสินทรัพย์ในระดับองค์กรคือ บิตไมน์(BitMine) ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือครองอีเธอเรียมรายใหญ่ที่สุดในโลก ขณะนี้ถือครองอยู่ประมาณ 1.7 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่ากว่า 8 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.11 แสนล้านบาท) หรือประมาณ 1.4% ของอุปทานหมุนเวียนทั้งหมด การถือครองในระดับนี้ถือเป็น *กลไกหลัก* ที่ช่วยเสริมความมั่นคงให้กับตลาดอีเธอเรียมโดยรวม
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากการไหลเข้าของ *เงินทุนใหม่ผ่านกองทุน ETF อีเธอเรียมแบบสปอต* ซึ่งในช่วงเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียวมีเม็ดเงินไหลเข้าสูงถึง 2.8 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.89 แสนล้านบาท) เสริมความเชื่อมั่นของทั้งนักลงทุนรายย่อยและสถาบัน
รายงานล่าสุดจากแพลตฟอร์มข้อมูล ‘อาร์คัม(Arkham)’ ระบุว่า มี *กระเป๋าเงินวาฬของอีเธอเรียม 9 ใบ* ที่เพิ่งเข้าซื้อเหรียญ ETH รวมมูลค่ากว่า 4.56 ร้อยล้านดอลลาร์ (ราว 6.35 พันล้านบาท) โดยในจำนวนนี้ 5 ใบใช้บริการของ ‘บิตโก(Bitgo)’ ส่วนอีก 4 ใบเข้าซื้อผ่าน OTC เดสก์ของ ‘แกแลกซี ดิจิทัล’ การจัดซื้อในระดับนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์มากกว่าการซื้อขายเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น ความคิดเห็น: การเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกันเช่นนี้จากกระเป๋าเงินหลายใบ บ่งชี้ถึง *มุมมองเชิงบวกในระยะกลางถึงยาวของนักลงทุนขนาดใหญ่*
สิ่งที่ตลาดกำลังจับตาอย่างใกล้ชิดในตอนนี้ คือการที่อีเธอเรียมจะ *สามารถฝ่าแนวต้านทางจิตวิทยาที่ระดับ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.95 ล้านบาท)* ได้หรือไม่ โดยแพลตฟอร์มวิเคราะห์อย่าง ‘อัลท์คอยน์ เวกเตอร์(Altcoin Vector)’ เรียกระดับนี้ว่าเป็น “กำแพงแห่งการทะลวง (Breakout Wall)” และเตือนว่าหากไม่สามารถผ่านไปได้ อาจเกิดแรงเทขายทำกำไร และตลาดอาจกลับเข้าสู่ช่วงปรับฐาน
ขณะนี้ อีเธอเรียมกำลังเดินหน้าอยู่บนสองแกนหลัก ได้แก่ *ความเชื่อมั่นจากตลาดและการไหลเข้าของเงินทุน* ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญสำหรับการขับเคลื่อนราคา อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการทะลวงแนวต้านหลักข้างหน้าจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อการรักษาโมเมนตัมขาขึ้นในระยะถัดไป ว่าสุดท้าย ETH *จะสามารถกระแทกกำแพงนี้ได้แรงแค่ไหน* คือคำถามใหญ่ที่ยังรอคำตอบจากตลาด
ความคิดเห็น 0