ทอม ลี(Tom Lee) ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทฟันด์สแตรท(Fundstrat) และหนึ่งในนักวิเคราะห์สายขาขึ้นแห่งวอลล์สตรีท เผยว่า ในช่วงไตรมาส 4 ที่กำลังจะมาถึง *ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีจะมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนดีกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิม* โดยเขาให้ความหวังเป็นพิเศษกับอีเธอเรียม(ETH) พร้อมบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเข้าสู่ฤดูกาล ‘อัปโทเบอร์ (Uptober)’
ท่ามกลางความคาดหวังว่า *ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)* อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทอม ลี ระบุว่า หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของตลาด พร้อมชี้ว่า “แม้ในเดือนกันยายนจะมีความกังวลว่าตลาดอาจปรับฐาน แต่ก็ถือเป็น *โอกาสอันดีในการเข้าซื้อ*”
สิ่งที่เรียกความสนใจจากนักลงทุนคือ การคาดการณ์ของเขาเกี่ยวกับราคาอีเธอเรียมที่เป็นบวกสวนทางกับอารมณ์ตลาด โดยเขาเชื่อว่า ในระยะสั้น อีเธอเรียมอาจพุ่งทะลุระดับ 5,500 ดอลลาร์ (ราว 7.6 ล้านบาท) และมีโอกาสแตะระดับสูงถึง 12,000 ดอลลาร์ (ราว 16.6 ล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งขณะนี้อีเธอเรียมก็ปรับตัวขึ้นทะลุ 4,600 ดอลลาร์ (ราว 6.3 ล้านบาท) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่บิตคอยน์(BTC) ยังคงเคลื่อนไหวอย่าง *ซบเซา* และยังไม่สามารถแสดงแนวโน้มที่แข็งแรงได้
ความเชื่อมั่นในตลาดของทอม ลีก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนจากการถือครองอีเธอเรียมจำนวนมหาศาล โดยอ้างอิงจากข้อมูลของอาร์คแฮม (Arkham) บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลออนเชน ระบุว่า ทอม ลีกำลังถือครองอีเธอเรียมมูลค่าสูงถึง *7 พันล้านดอลลาร์ (ราว 9.7 แสนล้านบาท)* ซึ่งมากกว่าการถือครองของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่ง และทำให้เขาอยู่ในกลุ่มนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ของตลาด
นอกจากนี้ ทอม ลียังให้ความสำคัญกับเอ็นบีเดีย(NVDA) โดยชี้ว่า “เอ็นบีเดียคือ *บริษัทที่สำคัญที่สุดในโลกตอนนี้* ต่อให้ราคาหุ้นผันผวนชั่วคราวก็ไม่ได้กระทบต่อเหตุผลในการลงทุน” พร้อมเสริมว่า ระบบนิเวศด้านปัญญาประดิษฐ์(AI) และเซมิคอนดักเตอร์จะเป็นรากฐานสำหรับการเติบโตของตลาดคริปโต
เขายังมองว่า ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า *การเสนอขายหุ้น IPO* โดยเฉพาะจากบริษัทที่กำลังอยู่ในช่วงท้ายของการระดมทุนแบบเอกชน จะเกิดขึ้นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสภาพคล่องในตลาดและสร้างความเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว
การวิเคราะห์ครั้งนี้ของทอม ลี ได้รับความสนใจจากตลาดในวงกว้าง เพราะไม่ได้จำกัดเพียงการคาดการณ์ราคาในระยะสั้น แต่ยังคำนึงถึง *แนวโน้มเศรษฐกิจมหภาค* เช่น วงจรการลดดอกเบี้ย การปรับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยี ระบบนิเวศ AI ที่นำโดยเอ็นบีเดีย และการฟื้นตัวของตลาด IPO ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่กำหนดทิศทางของตลาดคริปโตในไตรมาสถัดไป ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน กลยุทธ์เชิงรุกของนักลงทุนจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ความคิดเห็น 0