หลังจากช่วงพักฤดูร้อน รัฐสภาสหรัฐฯ กลับมาประชุมอีกครั้ง และเตรียมหารือร่างกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่อาจมี *ผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออุตสาหกรรมคริปโต* โดยประเด็นร้อนในการหารือครั้งนี้ ได้แก่ ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ข้อจำกัดเกี่ยวกับการออกเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และการพิจารณาผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานคณะกรรมาธิการซื้อขายล่วงหน้าแห่งสหรัฐฯ (CFTC) ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นหัวข้อที่ผู้เล่นในวงการจับตาเป็นพิเศษ
ตามกำหนดการปกติของสมัยประชุมที่ 119 ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้หยุดพักช่วงสั้น ๆ ซึ่งส่งผลให้ความคืบหน้าในเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลชะงักไประยะหนึ่ง โดยเฉพาะประเด็นการวางกรอบกำกับดูแลอย่างชัดเจน กรณีของไบรอัน ควินเทนซ์(Brian Quintenz) ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธาน CFTC โดยรัฐบาลไบเดน และข้อเสนอจำกัดการออก CBDC ต่างหยุดอยู่กับที่
ฝ่ายรีพับลิกันตั้งเป้าเร่งผลักดันร่างกฎหมายที่วางโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งหนึ่งในก้าวสำคัญคือการที่สภาผู้แทนฯ ผ่านร่างกฎหมายชื่อว่า *“กฎหมายความชัดเจนด้านสินทรัพย์ดิจิทัล (CLARITY Act)”* ไปเมื่อเดือนกรกฎาคม โดยมีการสนับสนุนจากทั้งสองฝ่าย — สมาชิกพรรคเดโมแครตถึง 78 คนร่วมโหวตสนับสนุน แสดงให้เห็นถึงความสนใจอย่างเป็นรูปธรรม ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณาเพิ่มเติม
ด้านวุฒิสมาชิกซินเธีย ลูมมิส(Cynthia Lummis) แห่งรัฐไวโอมิง ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนบิตคอยน์(BTC) และอุตสาหกรรมคริปโตรายใหญ่ กำลังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ร่างกฎหมายโครงสร้างตลาดผ่านในวุฒิสภา โดยเธอสนับสนุนให้มี *กรอบกำกับดูแลที่ก้าวหน้าแต่ไม่มากเกินควร* พร้อมเดินหน้าร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
แนวทางการออกกฎหมายของสภาคองเกรสในช่วงนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อตลาดคริปโต เพราะอาจช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด และเร่งให้การนำสินทรัพย์ดิจิทัลเข้าอยู่ภายใต้ระบบการเงินแบบดั้งเดิมเป็นจริงเร็วขึ้น สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม สถานการณ์นี้อาจเป็น *จุดเริ่มต้นของเสถียรภาพทางกฎหมาย* ที่เอื้อต่อการวางแผนลงทุนและขยายธุรกิจ ทั้งนี้ ผลลัพธ์ของการเจรจาและการโหวตในสภา จะมีอัตราผลกระทบต่อทั้งตลาดคริปโตในสหรัฐฯ และเวทีระดับโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0