ไมเคิล เซย์เลอร์นำบริษัท ไมโครสแตรทิจี(MSTR) ที่จดทะเบียนในตลาดแนสแด็ก ประเทศสหรัฐฯ กลับมา ‘ช้อนซื้อ’ *บิตคอยน์(BTC)* อีกครั้ง หลังราคาปรับตัวลดลงต่ำกว่า 108,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 15.01 ล้านบาท)
ตามเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ระบุว่า ไมโครสแตรทิจีได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 4,048 เหรียญ ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน ด้วยมูลค่ารวม 449.3 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,243 ล้านบาท) โดยมีราคาเฉลี่ยการซื้ออยู่ที่ 110,981 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.25 ล้านบาท) ต่อเหรียญ
ในช่วงเวลาดังกล่าว ราคาบิตคอยน์ได้เคลื่อนไหวผันผวน โดยขึ้นไปแตะ 113,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 15.70 ล้านบาท) ก่อนร่วงลงมาต่ำกว่า 108,000 ดอลลาร์ ทำให้ไมโครสแตรทิจีมองเห็น ‘โอกาสในความผันผวน’ และเดินหน้าเพิ่มการถือครองอย่างต่อเนื่อง
หลังจากครั้งนี้ จำนวนบิตคอยน์ทั้งหมดที่ไมโครสแตรทิจีถือครองได้เพิ่มขึ้นเป็น 636,505 เหรียญ โดยรวมมีการลงทุนสะสมแล้วประมาณ 46.95 พันล้านดอลลาร์ (ราว 652,060 ล้านบาท) และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 73,765 ดอลลาร์ (ประมาณ 10.26 ล้านบาท) ต่อเหรียญ
เฉพาะในเดือนสิงหาคม ไมโครสแตรทิจีเข้าซื้อบิตคอยน์รวม 7,714 เหรียญ ซึ่งรวมถึงครั้งล่าสุดจำนวน 4,048 เหรียญ และอีก 3,081 เหรียญ ที่เคยเปิดเผยก่อนหน้านี้ ตลอดจนเพิ่มเติมอีก 430 เหรียญ และ 155 เหรียญ โดยจำนวนนี้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมซึ่งบริษัทเคยซื้อสูงถึง 31,466 เหรียญ
แม้ราคาบิตคอยน์จะเผชิญแรงขายและปรับฐานแรงในช่วงหลัง แต่ไมโครสแตรทิจียังคงยึดมั่นในกลยุทธ์การสะสมคริปโตอย่างต่อเนื่อง *ความคิดเห็น*: การเคลื่อนไหวนี้ถูกมองโดยบางฝ่ายว่าอาจเป็น ‘สัญญาณการกลับตัวของตลาด’
ไมเคิล เซย์เลอร์กล่าวผ่าน X (ทวิตเตอร์เดิม) ว่า “กลยุทธ์บิตคอยน์ของเราจะเดินหน้าต่อไป” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึง ‘ความเป็นไปได้’ ของการเข้าซื้อเพิ่มเติมในอนาคต
ความคิดเห็น 0