ไบบิต(Bybit) เผชิญเหตุแฮ็กครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ส่งผลกระเพื่อมวงการคริปโตอย่างหนัก โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ อีเธอเรียม(ETH) มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 54,000 ล้านบาท) ถูกขโมย ซึ่งนำไปสู่การปรับฐานอย่างรุนแรงในตลาดคริปโต
ไบบิต ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ เปิดเผยว่าการแฮ็กครั้งนี้เผยให้เห็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัยสำคัญของแพลตฟอร์ม และกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน เบื้องต้นพบว่าการโจมตีมีต้นเหตุมาจากกระเป๋าเงินเย็น (Cold Wallet) แบบหลายลายเซ็น (Multi-Signature) โดยแฮ็กเกอร์ได้ปรับเปลี่ยนตรรกะของสมาร์ตคอนแทร็กต์ผ่านการปลอมแปลงอินเทอร์เฟซลายเซ็น ทำให้สามารถโอน ETH ปริมาณมหาศาลไปยังกระเป๋าเงินของแฮ็กเกอร์ได้
เบน โจว(Ben Zhou) ซีอีโอของไบบิต ระบุว่า "แฮ็กเกอร์ได้ปลอมแปลงหน้าต่างลายเซ็นเพื่อให้ดูเหมือนเป็นที่อยู่ที่ถูกต้อง ส่งผลให้ผู้เซ็นอนุมัติการเปลี่ยนแปลงของสมาร์ตคอนแทร็กต์โดยไม่รู้ตัว" พร้อมยืนยันว่า "ยังไม่มีความเสียหายเพิ่มเติม และกระเป๋าเงินเย็นอื่นๆ ยังคงปลอดภัย" ทั้งนี้ บริษัทกำลังดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์ออนเชนชื่อดัง แซกซ์เอ็กซ์บีที(ZachXBT) เปิดเผยว่า "ETH ที่ถูกขโมยไปกำลังถูกแปลงเป็นโทเคนสเตกกิง เช่น mETH และ stETH ก่อนจะถูกขายออกผ่าน กระดานเทรดแบบกระจายศูนย์ (DEX)" นอกจากนี้ เขาพบว่าแฮ็กเกอร์ได้กระจายเงินไปยังกระเป๋าหลายถึง 48 แห่ง และได้เรียกร้องให้กระดานเทรดดำเนินมาตรการขึ้นบัญชีดำ
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต โดยผู้เชี่ยวชาญต่างชี้ว่าถึงเวลาที่แพลตฟอร์มซื้อขายจะต้องยกระดับแนวทางการรักษาความปลอดภัย ไบบิตยืนยันว่าการกู้คืนความเสียหายจะเป็นภารกิจหลักของบริษัท และจะใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ความคิดเห็น 0