ทองคำกลับมาเป็นดาวเด่นในฐานะ ‘สินทรัพย์ปลอดภัย’ อีกครั้งในปีนี้ โดยราคาปรับตัวพุ่งขึ้นกว่า 35% ตั้งแต่ต้นปี จนทะลุระดับ 3,600 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ประมาณ 5.004 ล้านบาท) ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ปัจจัยหนุนคือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ การเข้าซื้อทองของธนาคารกลางในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตลอดจนความไม่มั่นใจต่อมาตรการควบคุมเงินเฟ้อของภาครัฐ ท่ามกลางภาวะขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แม้บิตคอยน์(BTC)จะถูกขนานนามว่าเป็น ‘ทองคำดิจิทัล’ แต่กระแสของนักลงทุนกำลังหมุนกลับไปหา *ทองคำจริง* อีกครั้ง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ที่การลงทุนในทองคำผ่าน *บล็อกเชน* โดยใช้งานผ่านบัญชีเกษียณ IRA กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แพลตฟอร์มโทเคนไรซ์สินทรัพย์อย่าง 'Chintai Nexus' ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการ IRA ‘SmartGold’ เพื่อเปิดทางให้นักลงทุนสามารถแปลงทองคำจริงที่ถือครองอยู่ให้เป็นโทเคนแบบ 1:1 และนำไปใช้งานในแพลตฟอร์มการให้ยืมแบบไร้ศูนย์กลาง (DeFi) เช่น มอร์โฟ(Morpho) และ คามิโน(Kamino) เพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม
‘การแปลงทองสู่สินทรัพย์ดิจิทัล’ กำลังกลายเป็นกระแสที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ล่าสุด กลุ่ม IPMB ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการตลาดโลหะมีค่าระดับโลก ได้เริ่มนำระบบโทเคนไรซ์มาใช้ในห่วงโซ่อุปทานของตน ขณะเดียวกัน สเตเบิลคอยน์ที่มีทองคำหนุนหลังอย่าง XAUT ของบริษัทเทเธอร์(Tether) ก็มีมูลค่าตลาดทะลุ 1.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1.807 หมื่นล้านบาท) แล้ว จุดแข็งของโมเดลนี้ คือสามารถเชื่อมโยงสินทรัพย์ปลอดภัยเข้ากับระบบการเงินแบบดิจิทัลโดยยังรักษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีของนักลงทุนไว้ได้
อีกด้านหนึ่ง การปล่อยกู้ในโลก DeFi บนพื้นฐาน *สินทรัพย์ในโลกจริง (Real World Assets - RWA)* กำลังเร่งตัวอย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจาก Binance Research ชี้ว่า มูลค่าสินทรัพย์ที่ถูกล็อคในโปรโตคอล DeFi เพิ่มขึ้น 72% ตั้งแต่ต้นปี แตะระดับ 1.27 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 176.5 ล้านล้านบาท) รายงานยังระบุว่า การใช้งาน ‘สเตเบิลคอยน์’ และ ‘สินทรัพย์โทเคนไรซ์’ คือหัวใจสำคัญที่ดึงดูดสถาบันการเงินให้เข้าสู่ตลาด DeFi อย่างจริงจัง
สินทรัพย์โลกจริงที่ถูกโทเคนไรซ์ จึงกลายเป็นพื้นที่เติบโต *เร็วที่สุด* แห่งหนึ่งในวงการคริปโตช่วงนี้ ตลาด RWA มีขนาดแตะ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.892 หมื่นล้านบาท) โดยมีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาโทเคนไรซ์หุ้นเริ่มมีดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุน
แนวโน้มที่เห็นในปัจจุบันคือการ *รวมกันของสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์โลกจริง* เข้าสู่โครงสร้างเดียว ซึ่งสะท้อนว่าตลาดคริปโตเริ่มก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ที่กรอบระหว่าง DeFi และการเงินดั้งเดิมเริ่มเลือนลางลงเรื่อย ๆ ความเห็นนี้สอดคล้องกับภาพรวมของตลาดที่กำลังมุ่งสู่การผสานโลกดิจิทัลและโลกการเงินแบบเดิมเข้าด้วยกันอย่างเต็มรูปแบบ
ความคิดเห็น 0