กระดานเทรดคริปโต ‘ไบบิต(Bybit)’ ถูกโจมตีด้วยการแฮ็กครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 21 ส่งผลให้สินทรัพย์มูลค่ารวม 1.4 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 50,400 ล้านบาท) ถูกขโมยไป อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบภายในพบว่า สินทรัพย์ที่เหลืออยู่ของบริษัทนั้นยังคงสูงกว่าหนี้สิน และเงินของผู้ใช้ยังคงปลอดภัย
ตามข้อมูลจาก ‘ดีฟายลามา(DeFiLlama)’ หลังเหตุการณ์แฮ็กครั้งนี้ มูลค่ารวมของสินทรัพย์บนแพลตฟอร์มของไบบิตลดลงมากกว่า 5.3 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 192,000 ล้านบาท) ซึ่งไม่ได้เกิดจากการโจรกรรมเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงคำขอถอนเงินจำนวนมากจากผู้ใช้ที่เกิดขึ้นภายหลัง
ลักษณะของการแฮ็กครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการโอน ‘STETH’ และ ‘Mantle Staked ETH(mETH)’ ซึ่งเป็นโทเคนตามมาตรฐาน ERC-20 ออกไปในปริมาณมาก บริษัทตรวจสอบความปลอดภัย ‘แฮ็กเคน(Hacken)’ รายงานว่า แม้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น แต่สินทรัพย์สำรองของไบบิตก็ยังคงมีมากกว่าภาระหนี้สิน ทำให้เงินของผู้ใช้ได้รับการคุ้มครองอย่างสมบูรณ์
เบน โจว(Ben Zhou) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของไบบิต เปิดเผยผ่าน X (ชื่อเดิมคือ Twitter) เมื่อวันที่ 22 ว่า บริษัทได้ดำเนินการตามคำขอถอนเงินมากกว่า 350,000 รายการภายใน 10 ชั่วโมง และเสร็จสิ้นกว่า 99.9% แล้ว พร้อมทั้งย้ำว่า แม้การแฮ็กครั้งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แต่การดำเนินงานของกระดานแลกเปลี่ยนยังคงเป็นไปตามปกติ ทีมงานกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ตั้งข้อสันนิษฐานว่า กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่มีความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ ‘ลาซารัสกรุ๊ป(Lazarus Group)’ อาจอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ เมเออร์ โดเลฟ(Meir Dolev) ผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO ของ ‘ไซเบอร์ส(Cyvers)’ ระบุว่า โควอลเล็ตแบบมัลติซิกของไบบิตอาจถูกชักจูงให้อนุมัติธุรกรรมที่เป็นอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งในกรณีการแฮ็กรายใหญ่ของปี 2024 โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า ‘ครึ่งหนึ่ง’ ของความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภาคคริปโต (2.3 พันล้านดอลลาร์) ผู้เชี่ยวชาญมองว่า แม้แต่กระดานแลกเปลี่ยนคริปโตแบบรวมศูนย์ (CEX) ก็ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากการแฮ็กที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ความคิดเห็น 0