เบน โจว(Ben Zhou) ซีอีโอของไบบิต(Bybit) เปิดเผยว่าบริการถอนเงินของแพลตฟอร์มได้กลับสู่ภาวะปกติ หลังเกิดเหตุแฮ็กครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งส่งผลให้สินทรัพย์มูลค่าประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ (ราว 54,000 ล้านบาท) ถูกขโมย
เมื่อวันที่ 22 โจวโพสต์ผ่าน X (เดิมคือทวิตเตอร์) ว่า “เหตุการณ์แฮ็กครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นเพียง 12 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ และขณะนี้คำขอถอนเงินทั้งหมดได้รับการดำเนินการเรียบร้อยแล้ว” พร้อมระบุว่า ระบบถอนเงินกลับมาทำงานตามปกติ จากนั้นเขาได้กล่าวขอโทษลูกค้าสำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าจะเผยแพร่รายงานการสอบสวนและการประเมินด้านความปลอดภัยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
หลังเกิดเหตุ คำขอถอนเงินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความล่าช้าชั่วคราว แต่ปัจจุบันข้อจำกัดทั้งหมดถูกยกเลิกแล้ว นอกจากนี้ ความสามารถในการรับมือของไบบิตยังได้รับเสียงชื่นชมจากบุคคลในแวดวงคริปโต มาร์ค เจฟโตวิก(Mark Jeftovic) ซีอีโอของอีซี่ดีเอ็นเอส(EasyDNS) กล่าวว่า "โจวบริหารจัดการวิกฤตครั้งนี้ได้ดี" ในขณะที่ คาร์ล มูน(Carl Moon) อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในอุตสาหกรรมคริปโต ก็แสดง "ความเคารพต่อวิธีการรับมือของทีมงานไบบิต"
วิกฤตครั้งนี้ยังส่งผลให้แพลตฟอร์มอื่นออกมาสนับสนุนไบบิตด้วยเช่นกัน บิทเก็ต(Bitget) ได้โอน 4,000 อีเธอเรียม(ETH) มูลค่าประมาณ 105 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,780 ล้านบาท) เพื่อช่วยเหลือไบบิต ทั้งนี้ เกรซี เฉิน(Gracy Chen) ซีอีโอของบิทเก็ตยืนยันว่า บริษัทได้ขึ้นบัญชีดำกระเป๋าเงินของแฮ็กเกอร์ และดำเนินมาตรการปิดกั้นเงินที่มาจากแหล่งที่ไม่ถูกต้อง พร้อมเสริมว่าทีมงานของพวกเขากำลังติดตามเส้นทางการเงินของแฮ็กเกอร์อย่างใกล้ชิด และจะเผยแพร่ข้อมูลสำคัญให้กับอุตสาหกรรม
แม้ว่าไบบิตจะสามารถกู้คืนระบบถอนเงินได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีเสียงเรียกร้องให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแพลตฟอร์มการเงินแบบรวมศูนย์ (CeFi) ซึ่งยังคงตกเป็นเป้าหมายหลักของแฮ็กเกอร์ ในขณะที่แนวโน้มของอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเริ่มลดลง
ความคิดเห็น 0