หลังจากเหตุการณ์ ‘การลดรางวัลบล็อก’ หรือ ‘Halving’ ของบิตคอยน์(BTC) อุตสาหกรรมบล็อกเชนกำลังมองหาช่องทางเติบโตใหม่ ในขณะเดียวกันก็เผชิญกับความท้าทายอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้แนวโน้มในอดีตจะแสดงให้เห็นว่าราคาตลาดมักพุ่งสูงหลังการ Halving แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่นวัตกรรมใหม่จะส่งผลกระทบอย่างแท้จริงต่ออุตสาหกรรมโดยรวม อย่างไรก็ตาม วัฏจักรนี้อาจแตกต่างออกไป
ตลอดประวัติศาสตร์ของบิตคอยน์ บล็อกเชนได้ถูกนำมาใช้ในหลายด้าน ทั้ง ‘ระบบชำระเงิน’ ‘การเงินไร้ตัวกลาง(DeFi)’ ‘โทเคนที่ไม่สามารถทดแทนได้(NFT)’ และ ‘เกมที่เล่นแล้วสร้างรายได้(P2E)’ ย้อนกลับไปในปี 2012 บิตคอยน์ช่วยให้เกิดการชำระเงินข้ามพรมแดน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดด้านค่าธรรมเนียมธุรกรรม ในปี 2016 การเปิดตัว ICO(การเสนอขายเหรียญเริ่มต้น) เริ่มได้รับความนิยม แต่ท้ายที่สุดก็ประสบปัญหาจากการหลอกลวงและการขาดกฎระเบียบ ปี 2020 นำมาซึ่งความเฟื่องฟูของ DeFi และ NFT ทว่าหลายโครงการกลับไม่สามารถแข่งขันทางธุรกิจได้ และเกิดภาวะฟองสบู่ในที่สุด
ในปี 2024 นี้ กระแสเปลี่ยนแปลงเริ่มชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการลดอุปสรรคทางกฎหมายและการบูรณาการเข้ากับระบบการเงินแบบดั้งเดิม การที่สหรัฐฯ อนุมัติ ‘กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนบิตคอยน์แบบสปอต(Spot BTC ETF)’ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เนื่องจากเป็นการยอมรับบิตคอยน์ในฐานะ ‘สินทรัพย์ทางการเงิน’ อย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวทางด้านกฎระเบียบทั่วโลก
ในแง่นวัตกรรม เทคโนโลยี ‘โทเคนทรัพย์สินจริง(RWA)’ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยมีโครงการที่นำบล็อกเชนมาใช้กับ ‘อสังหาริมทรัพย์’ ‘พันธบัตรรัฐบาล’ และ ‘สินเชื่อภาคเกษตร’ นอกจากนี้ การผสาน ‘บล็อกเชน’ และ ‘ปัญญาประดิษฐ์(AI)’ ยังสร้างทางเลือกใหม่ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล อีกทั้งโซลูชัน ‘การชำระเงินขนาดเล็ก(Micropayment)’ และ ‘เหรียญที่มีมูลค่าคงที่(Stablecoin)’ ก็กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของ ‘มิ้มคอยน์(Meme Coin)’ และโครงการที่ขาดคุณค่าในการใช้งาน ยังคงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวล เนื่องจากหลายโครงการดำเนินไปในลักษณะของการเก็งกำไร ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าหากไม่มีความยั่งยืน อาจเกิดปรากฏการณ์ ‘การล่มสลาย’ คล้ายกับที่เกิดขึ้นกับ ICO และ NFT ก่อนหน้านี้
จากข้อมูลของ Toronet Research ซึ่งรวบรวมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงพฤษภาคมปีนี้หมวดหมู่ที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ ‘มิ้มคอยน์’ ‘โครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI’ และ ‘โทเคนทรัพย์สินจริง’ นอกจากนี้ บล็อกเชนเลเยอร์ 2 ก็บันทึกอัตราการเติบโตสูงกว่าเลเยอร์ 1 ตามรายงานแนวโน้มอุตสาหกรรมคริปโตประจำไตรมาส 3 ปี 2024 ของ CoinGecko
ความสำเร็จของบล็อกเชนในรอบนี้ขึ้นอยู่กับทิศทางการพัฒนา หากสามารถสร้างมูลค่าที่แท้จริงในอุตสาหกรรมและมีแนวทางกฎหมายที่ชัดเจน การเติบโตครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นจุดเปลี่ยนสู่ ‘นวัตกรรมที่ยั่งยืน’ แม้ยังคงมีความเสี่ยงจากการลงทุนเกินตัว แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าการบูรณาการเข้ากับระบบการเงินกระแสหลักจะเป็นตัวผลักดันให้สินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตในระยะยาว
ความคิดเห็น 0