ผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้ใหญ่ชาวสหรัฐฯ กว่า 40% มีท่าทีเชิงบวกต่อการใช้การเงินแบบกระจายศูนย์ หรือ ดีไฟ (DeFi) โดยจำนวนไม่น้อยระบุว่าจะทดลองใช้งาน หากมีการออกกฎหมายส่งเสริมในประเทศ ขณะที่ในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับดีไฟโดยตรง
ผลสำรวจดังกล่าวมาจากการเผยแพร่ของมูลนิธิเพื่อการศึกษาเกี่ยวกับดีไฟ (DeFi Education Fund) ซึ่งเป็นองค์กรล็อบบี้ที่สนับสนุนดีไฟ โดยระบุว่า ประชาชนสหรัฐฯ กำลังแสดงให้เห็นถึง ‘ การรับรู้และความสนใจที่เพิ่มขึ้น’ ต่อดีไฟ การสำรวจครั้งนี้จัดทำโดยบริษัทวิจัยระดับโลก อิปซอส(Ipsos) ระหว่างวันที่ 18–21 สิงหาคม โดยมีผู้ร่วมตอบแบบสอบถามทั้งหมด 1,321 คน
อเล็ก ไทสัน(Alec Tyson) รองประธาน Ipsos Public Affairs เปิดเผยว่า “ประชาชนจำนวนมากแสดงความไม่ไว้วางใจและความไม่พอใจต่อระบบการเงินในปัจจุบัน ส่งผลให้ *ภาพลักษณ์ของคริปโตเคอร์เรนซีและดีไฟ* ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น” เขายังเน้นว่า ดีไฟกำลังได้รับความนิยมเพราะสามารถตอบโจทย์ด้าน ‘ความปลอดภัย’, ‘การควบคุมเงินทุนส่วนบุคคล’, และ ‘ความยืดหยุ่น’ ที่ภาคการเงินแบบเดิมยังไม่สามารถตอบสนองได้
จากการสำรวจ 42% ของผู้ตอบแบบสอบถามกล่าวว่า หากมีกฎหมายออกมารองรับ พวกเขาจะพิจารณาใช้งานดีไฟ โดยในจำนวนนี้ 9% มีท่าที ‘เชิงบวกอย่างยิ่ง’ หรือ ‘ในทางที่สุด’ กับดีไฟ ส่วนอีก 33% ตอบว่า ‘ค่อนข้างเห็นด้วย’ จุดที่น่าสนใจคือ 84% ของกลุ่มที่มีแนวโน้มจะใช้ดีไฟ ต่างต้องการใช้ใน ‘*การชำระเงินผ่านออนไลน์*’
แม้ว่าจะมีผู้ตอบเพียง 12% ที่แสดงว่า ‘ต้องการศึกษาวิธีใช้งานดีไฟอย่างลึกซึ้ง’ แต่ก็มีราว 40% ที่เชื่อว่าดีไฟเป็นเครื่องมือที่สามารถ ‘*ลดค่าธรรมเนียมสูง*’ ของธนาคารและระบบการเงินแบบดั้งเดิมได้ ชาวนิวยอร์กคนหนึ่งจากย่านควีนส์อธิบายว่า “ถ้าใช้ดีไฟ เราสามารถเก็บเงินเดือนไว้ในกระเป๋าดิจิทัลของตัวเองได้เลย ไม่ต้องผ่านธนาคารหรือจ่ายค่าธรรมเนียมให้สถาบันการเงินอีกต่อไป”
รายงานยังพบอีกว่า ชาวอเมริกันจำนวนมากมี ‘*ความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินปัจจุบัน*’ อย่างชัดเจน โดยมีผู้ที่เห็นว่าระบบการเงินสามารถตอบสนองความต้องการทางการเงินของตนได้น้อยกว่าครึ่ง และมีเพียง 25% เท่านั้นที่เชื่อว่าระบบเดิมให้ประโยชน์กับสาธารณชนโดยรวม
นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ยังต้องการ ‘*อำนาจควบคุมเงินทุนแบบต่อเนื่อง*’ และสามารถโอนเงินได้โดยไม่มีตัวกลาง หลายคนยังวิจารณ์ว่า ระบบการเงินปัจจุบันยังไม่สามารถปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ได้อย่างเพียงพอ โดยมีเพียง 29% เท่านั้นที่เชื่อว่าระบบการเงินของสหรัฐฯ ‘ปลอดภัยเพียงพอ’ ในปัจจุบัน
มากกว่า 75% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นพ้องกันว่า ระบบการเงินของประเทศควรได้รับ ‘*การยกระดับและปรับปรุง*’ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ อย่างอาชญากรรมไซเบอร์ และการเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ (AI)
มูลนิธิเพื่อการศึกษาเกี่ยวกับดีไฟสรุปในรายงานว่า “วันนี้ประชาชนสหรัฐฯ มองว่าดีไฟคือทางเลือกใหม่ที่สามารถให้ ‘*ความปลอดภัยที่ดีกว่า*’ กับ ‘*ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมที่ต่ำลง*’ และอาจเป็นทางออกของปัญหาที่ระบบการเงินแบบเดิมยังแก้ไม่ได้”
ขณะที่ในเดือนที่ผ่านมา คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์(Christopher Waller) หนึ่งในกรรมการของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) กล่าวถึงดีไฟอย่างเปิดกว้าง โดยระบุว่า “เราไม่จำเป็นต้องกลัววิธีการชำระเงินแบบคริปโตที่พัฒนานอกระบบการเงินแบบเดิม” พร้อมย้ำว่าควร “*เปิดรับศักยภาพของดีไฟ* ภายใต้กรอบนโยบายและกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน”
ความคิดเห็น 0