เมื่อวันที่ 22 (เวลาท้องถิ่น) สภาผู้แทนราษฎรรัฐมอนแทนาได้ลงมติคว่ำร่างกฎหมาย "House Bill 429" ที่มีเป้าหมายให้รัฐบาลของรัฐสามารถใช้บิตคอยน์(BTC) เป็นทุนสำรอง โดยผลการลงคะแนนอยู่ที่ 41 เสียงเห็นชอบ และ 59 เสียงคัดค้าน ร่างกฎหมายนี้เปิดทางให้คณะกรรมการการลงทุนของรัฐสามารถลงทุนในทองคำ สเตเบิลคอยน์ และสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตามราคาตลาดเกิน 750,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,080 ล้านล้านวอน) ซึ่งขณะนี้ มีเพียงบิตคอยน์เท่านั้นที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ดังกล่าว
ฝ่ายคัดค้านให้เหตุผลว่า การอนุมัติกฎหมายนี้อาจนำเงินของผู้เสียภาษีไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง สตีเวน เคลลี สมาชิกพรรครีพับลิกันกล่าวว่า "เรามีหน้าที่ต้องปกป้องเงินของประชาชน" และชี้ว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดังกล่าวมีความเสี่ยงเกินควร ขณะที่ บิล เมอร์เซอร์ สมาชิกสภาอีกคนหนึ่งก็แสดงความเห็นว่า "การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น NFT สำหรับรัฐบาลนั้นเป็นการเก็งกำไรที่มากเกินไป"
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายที่สนับสนุนกฎหมายยืนยันว่า รัฐบาลไม่ควรจำกัดตัวเองให้อยู่แต่การลงทุนในพันธบัตรเท่านั้น เพราะอาจทำให้มูลค่าเงินลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ลี เดมิง สมาชิกสภารัฐมอนแทนา กล่าวว่า "หากเราจะถือครองเงินของประชาชน เราควรพยายามสร้างผลตอบแทนสูงที่สุด" ขณะที่ เคอร์ติส โชเมอร์ ผู้เสนอร่างกฎหมาย เตือนว่า "ความเสี่ยงที่แท้จริงคือการไม่ผ่านกฎหมายนี้" และกล่าวว่ารัฐบาลควรพิจารณาลงทุนในทองคำและสินทรัพย์ดิจิทัล
แม้ร่างกฎหมายผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการธุรกิจและแรงงานเมื่อวันที่ 19 ด้วยคะแนน 12 ต่อ 8 แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธในที่ประชุมใหญ่ ทำให้โครงการนี้ถูกยุติ เว้นแต่จะมีการเสนอร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะที่ในระดับประเทศ ความพยายามในการให้รัฐบาลถือครองบิตคอยน์เป็นทุนสำรองยังดำเนินต่อไป ปัจจุบัน มี 24 รัฐ รวมถึงแอริโซนา อิลลินอยส์ และเท็กซัส ที่ยื่นร่างกฎหมายลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะรัฐยูทาห์ที่มีความคืบหน้ามากที่สุด ซึ่งร่าง "กฎหมายแก้ไขบล็อกเชนและนวัตกรรมดิจิทัล" ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการภาษีของวุฒิสภาแล้ว และเตรียมเข้าสู่การลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่เร็วๆ นี้
ความคิดเห็น 0