เครือข่ายเซย์(SEI) บันทึกการเติบโตทางประวัติศาสตร์ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 สะท้อนความแข็งแกร่งในฐานะบล็อกเชนเลเยอร์ 1 ที่กำลังได้รับความสนใจมากยิ่งขึ้น โดยรายงานของเมสซารี รีเสิร์ช(Messari Research) เมื่อวันที่ 24 ระบุว่า จำนวนที่อยู่(wallet) ที่มีการใช้งานเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 36.6% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 426,000 รายการ ขณะที่จำนวนธุรกรรมรายวันทะลุ 720,000 รายการ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเครือข่ายตั้งแต่เปิดใช้งานมา
แรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากการเติบโตแบบก้าวกระโดดของภาคดีไฟน์(DeFi), เกมบนบล็อกเชน, และระบบสเตคกิ้ง(SEI Staking) โดยในส่วนของ DeFi มูลค่ารวมที่ถูกล็อกไว้(TVL) พุ่งขึ้น 67.8% อยู่ที่กว่า 609 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ *ราคาเซย์(SEI)* ปรับตัวขึ้น 63.5% สู่ระดับ 0.28 ดอลลาร์ ส่งผลให้ *มูลค่าตลาด* เพิ่มขึ้นถึง 86.1% แตะ 1.57 พันล้านดอลลาร์
ด้านสเตคกิ้ง แม้จำนวนเหรียญที่ถูกนำมาสต๊ากจะลดลง แต่ *ผลตอบแทนจากการสเตค(SEI yield)* กลับเข้าสู่แดนบวกเป็นครั้งแรกที่ประมาณ 0.6% ต่อปี ซึ่ง *ความคิดเห็น* จากเมสซารีระบุว่า เป็นสัญญาณของภูมิทัศน์ที่ดีขึ้นในระบบนิเวศของเซย์
โปรโตคอลดีไฟน์ที่น่าสนใจ เช่น เยไฟแนนซ์(Yei Finance) มียอด TVL ถึง 365.9 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ทาคาระ เลนด์(Takara Lend) เติบโตต่อไตรมาสสูงถึง 374.9% แตะ 71.3 ล้านดอลลาร์ โดยเยไฟแนนซ์ยังได้ออกแพลตฟอร์มใหม่ *“เยย์สวอป(YeiSwap)”* สำหรับการแปลงสินทรัพย์กู้ยืมไปสู่รูปแบบที่สามารถใช้งานอื่นๆ ได้ ส่งเสริมประสิทธิภาพในระบบดีไฟน์ของเซย์เต็มที่
ในมุมของ *เสถียรภาพด้านการเงิน* มูลค่าตลาดของเหรียญ USDC เพิ่มขึ้น ทำให้สเตเบิลคอยน์รวมอยู่ที่ 276.8 ล้านดอลลาร์ เสริมความน่าเชื่อถือของเครือข่ายในฐานะแพลตฟอร์มที่รองรับการใช้งานด้านการเงินแบบไร้ตัวกลางได้อย่างมั่นคง
ในสายเกมมิ่ง เกมชื่อดังอย่าง ฮอตสปริง(Hot Spring) และ เวิลด์ ออฟ ดิเพียนซ์(World of Dypians) ทำให้จำนวนธุรกรรมออนเชนจากเกมมีมากถึง 49.5 ล้านรายการ โดย *ฮอตสปริง* เติบโตถึง 134.9% ต่อไตรมาส มียอดธุรกรรมเฉลี่ยวันละ 130,000 รายการ ส่วนเวิลด์ ออฟ ดิเพียนซ์ตามมาไม่ห่าง ด้วยยอดวันละเกือบ 95,000 รายการ
ดีเซ็นทรัลไลซ์เอ็กซ์เชนจ์ (DEX) ก็ไม่แพ้กัน แพลตฟอร์มอย่าง *ดรากอนสวอป(DragonSwap)* แจ้งว่า หลังจากเปิดตัวโทเคน DRG ปริมาณซื้อขายรายวันเพิ่มขึ้น 33.5% อยู่ที่ 8.2 ล้านดอลลาร์ และ TVL ขยับถึง 35.6 ล้านดอลลาร์ (เพิ่ม 123.7%) อีกด้านหนึ่ง *เซเลอร์(Sailor)* มียอดซื้อขายเฉลี่ย 10.2 ล้านดอลลาร์ และมูลค่า TVL ที่ 83.8 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 93.7% นอกจากนี้ โปรเจกต์ที่ใช้ระบบคำสั่งซื้อแบบศูนย์กลาง(CLOB) อย่าง *ซิเทร็กซ์ มาร์เก็ตส์(Citrex Markets)* และ *ออกเซียม(Oxium)* ยิ่งช่วยผลักดันโครงสร้างการซื้อขายให้ทรงพลังขึ้นอย่างมีนัยยะ
เครือข่ายยังมีการอัปเกรดด้านเทคนิค โดยเซย์แลบส์ประกาศเปิดตัวฮาร์ดฟอร์ก “*กิกะ(Giga)*” เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประมวลผล ที่สามารถรองรับได้ถึง 148,000 ธุรกรรมต่อวินาที และมีเวลายืนยันธุรกรรมไม่เกิน 211 มิลลิวินาที โดยเกิดขึ้นพร้อมกับการผ่านข้อเสนอ *SIP-03* ที่เตรียมเดินหน้าเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจาก *CosmWasm* สู่ *EVM* แบบเต็มรูปแบบ
ในฝั่งของ *โทเคนโนมิกส์* ปริมาณการปลดล็อกโทเคนในแต่ละเดือนจะลดลงจาก 219.7 ล้าน SEI สู่ 113 ล้าน SEI ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2025 ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในฝั่งซัพพลาย และล่าสุด *แคนนารี แคปิตอล(Cannery Capital)* ได้ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ(SEC) เพื่อขออนุมัติจัดตั้ง ETF ที่อ้างอิงกับ SEI ซึ่ง *ความคิดเห็น* มองว่า หากได้รับอนุมัติ จะช่วยเพิ่มดีมานด์ของโทเคนโดยเฉพาะในฝั่งสเตคกิ้ง
โดยรวมแล้ว *เมสซารี รีเสิร์ช* ประเมินว่า เซย์มีโอกาสสูงจะเดินหน้าครองตำแหน่งแพลตฟอร์มเลเยอร์ 1 ชั้นนำในครึ่งหลังของปีนี้ จากการผสานระหว่างโครงสร้างเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง, ระบบนิเวศด้าน DeFi และเกมที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารอุปสงค์และอุปทานของโทเคนอย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ การพัฒนาความสามารถในการประมวลผลควบคู่กับการเปิดกว้างต่อนักลงทุนสถาบันอาจกลายเป็น *จุดเปลี่ยน* ที่จะผลักดันเซย์สู่ความยั่งยืนในระยะยาว
ความคิดเห็น 0