เดวิด ชวาร์ตซ์( David Schwartz) หัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีของริปเปิล(Ripple) ระบุว่า ‘การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคน’ หรือ ‘โทเคไนเซชัน’ กำลังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของ *เศรษฐกิจบนเชน (On-chain Economy)* และย้ำว่าการเงินแบบกระจายศูนย์ (ดีไฟ, DeFi) สามารถอยู่ร่วมกับการเงินแบบสถาบัน (TradFi) ได้จริง โดยเขามองว่า บล็อกเชนจะเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสำหรับแก้ไขข้อจำกัดของระบบการเงินแบบเดิม ท่ามกลางการเติบโตของระบบนิเวศดีไฟ
ในรายการ *On-chain Economy* ตอนแรก ซึ่งเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของ RippleX ซึ่งเป็นฝ่ายพัฒนาของริปเปิล ชวาร์ตซ์ย้ำอย่างชัดเจนว่า “ดีไฟกับเทรดิไฟไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกัน” โดยเขาชี้ว่า *“ความเป็นกลาง”* คือข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเทคโนโลยีบล็อกเชน และเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถดึงดูดความสนใจจากสถาบันการเงินได้
เขายังกล่าวด้วยว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างอเมซอนและอูเบอร์ ต่างก็มีความต้องการบริการทางการเงินที่ระบบเดิมตอบโจทย์ไม่ได้ และบล็อกเชนก็คือเทคโนโลยีที่รองรับความต้องการเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง
ชวาร์ตซ์ยังชี้ว่าการเติบโตของ *สินทรัพย์จริงที่ถูกแปลงเป็นโทเคน, ระบบเครดิตแบบออนเชน และแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนแบบกระจาย (DEX)* กำลังผลักดันสู่การพัฒนา ‘ผลิตภัณฑ์การเงิน’ ที่ผู้ใช้งานต้องการอย่างแท้จริง เขามองว่า *สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract)* บนบล็อกเชน จะเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงด้านการเงินที่อาจแย่งส่วนแบ่งตลาดจากบริการแบบดั้งเดิมในระดับมาก
สำหรับความเห็นในอนาคต ชวาร์ตซ์ให้ความเห็นว่า *“ดีไฟจะเติบโตเร็วพอจนแย่งมื้อกลางวันของเทรดิไฟได้”* และเชื่อว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ระบบการเงินแบบกระจายศูนย์จะพัฒนาไปไกลเกินกว่าคำว่า ‘เทรนด์’ และกลายเป็น ‘เทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้’ ในระบบการเงินโลก
ขณะเดียวกัน ทิศทางดังกล่าวก็สอดคล้องกับการพัฒนาครั้งสำคัญที่ริปเปิลเตรียมเปิดตัวในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการอัปเกรดเครือข่าย XRP เลเจอร์ (XRPL) สู่เวอร์ชัน 3.0.0 และการเปิดตัว *โปรโตคอลการให้กู้แบบเนทีฟ* ซึ่งเป็นฟีเจอร์ดีไฟที่ออกแบบมาสำหรับสถาบันการเงินโดยเฉพาะ โดยหลายฝ่ายมองว่า นี่คือ ‘เงื่อนไขทางเทคนิค’ ที่สามารถทำให้ธนาคารและสถาบันต่าง ๆ หันมาพิจารณาการใช้บล็อกเชนแทนระบบเดิม
ในการสรุป ชวาร์ตซ์ย้ำว่า ความเป็นกลางและโครงสร้างที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ของบล็อกเชน คือสิ่งที่จะสร้าง *“ความเชื่อมั่น”* ให้กับนักลงทุนสถาบัน และเสริมว่า *“สถาบันกำลังเริ่มมองความเป็นกลางของบล็อกเชนเป็นโอกาส ซึ่งท้ายที่สุดมันจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนการขยายตัวครั้งใหญ่ของตลาดคริปโต”*
ความคิดเห็นนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจสำหรับมุมมองที่ว่า *อุดมการณ์กระจายศูนย์* กับ *ทุนของสถาบัน* ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ โดยแนวคิดของชวาร์ตซ์ถูกมองว่าเป็นการวางทิศทางใหม่ที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การขยายระบบนิเวศ XRPL ที่ริปเปิลกำลังเร่งเดินหน้าอยู่ในปีนี้ ซึ่งรวมถึงอัปเกรดเชิงเทคนิคเพื่อเชื่อมโลกดีไฟกับโลกการเงินแบบดั้งเดิม เป็น *“ก้าวต่อไป”* ของการเงินบนคริปโตที่ทุกฝ่ายกำลังจับตามอง
ความคิดเห็น 0