ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี รวมถึงบิตคอยน์(BTC) กำลังเผชิญกับ *ภาวะร่วงหนัก* ส่งผลให้มูลค่าตลาดรวมลดลงมากถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 417 ล้านล้านวอน ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ โดยสาเหตุหลักมาจากคำแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ที่กระทบต่อ *ความเชื่อมั่นของนักลงทุน* อย่างรุนแรง
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ราคาบิตคอยน์เคยดีดขึ้นแตะระดับ 118,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.64 ล้านบาท) รับข่าวการคาดการณ์ลดดอกเบี้ยของเฟด ก่อนจะอ่อนตัวลงสู่ 116,000 ดอลลาร์ในวันรุ่งขึ้น และเคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดช่วงสุดสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันจันทร์ ราคาเริ่มร่วงลงอย่างชัดเจน โดย BTC ลดลงจาก 115,500 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 112,000 ดอลลาร์ ส่งผลให้มีการล้างพอร์ต *เลเวอเรจ* หลายพันล้านดอลลาร์ จากนั้นแม้จะฝืนดีดกลับไปแตะ 114,000 ดอลลาร์ แต่กลับร่วงอีกครั้งจนถึงระดับต่ำสุดของเดือนกันยายนที่ 108,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ภายในวันศุกร์
ความคิดเห็นส่วนใหญ่ชี้ไปที่คำพูดของพาวเวลล์เกี่ยวกับ ‘ภาวะเงินเฟ้อ’ ที่สร้างความสับสนต่อตลาด นักลงทุนจำนวนมากมองว่าเป็นสัญญาณให้หลีกเลี่ยงสินทรัพย์เสี่ยง จึงเกิดแรงขายอย่างต่อเนื่อง
แม้บิตคอยน์จะพยายามฟื้นตัวขึ้นสู่ระดับ 109,200 ดอลลาร์ แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 110,000 ดอลลาร์ได้ ทำให้ราคาลดลง 6.2% จากสัปดาห์ก่อน ด้านอีเธอเรียม(ETH) ร่วงลงแรงถึง 13% มาอยู่ที่ 3,920 ดอลลาร์ ในขณะที่ริปเปิล(XRP) และเหรียญทางเลือกอื่นๆ ก็ปรับลดลงเป็นเลขสองหลัก โดยเฉพาะโครงการไฮพ์(HYPE) ที่เผชิญคู่แข่งหน้าใหม่ ส่งผลให้มูลค่าร่วงถึงกว่า 25%
ตลาดคริปโตโดยรวมมีมูลค่าหดตัวจาก 4.15 ล้านล้านดอลลาร์ เหลือเพียง 3.84 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ดัชนี ‘ความกลัวและความโลภ’ ของตลาดทรงตัวที่ระดับต่ำที่สุดในรอบปี สะท้อนถึง *แรงกดดันทางจิตวิทยา* ที่ยังคงสูง
ทั้งนี้ แม้ตลาดยังอยู่ในช่วงปรับฐาน แต่บางนักวิเคราะห์ยังคงมองในแง่ดี โดยคาดว่าเดือนตุลาคมอาจเป็นเดือนที่แข็งแกร่งสำหรับคริปโตหรือที่เรียกกันว่า "Uptober" โดยมีความเป็นไปได้ที่บิตคอยน์จะทดสอบระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจฉุดรั้งความหวังนี้อยู่
ความคิดเห็น 0