สองผู้นำแห่งตลาดสเตเบิลคอยน์อย่าง เทเธอร์(USDT) และ USDC กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงปีที่ผ่านมา แม้ตลาดคริปโตจะเติบโตขึ้น แต่การที่มูลค่าตลาดรวมของทั้งสองคอยน์ลดลงมากกว่า 5% นับตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม ตามข้อมูลจาก DefiLlama และ CoinGecko ชี้ให้เห็นถึง ‘การเปลี่ยนแปลงของอำนาจ’ ในตลาดสเตเบิลคอยน์อย่างชัดเจน
เทเธอร์และ USDC แม้จะสามารถขยายมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกล็อก (TVL) ได้ต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดเพิ่มขึ้น แต่ส่วนแบ่งการตลาดภายในกลุ่มสเตเบิลคอยน์กลับลดต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเข้าสู่ระบบการแข่งขันใหม่ที่ไม่ใช่แค่การครองตลาดแต่เพียงลำพังอีกต่อไป
นิค คาร์เตอร์(Nic Carter) หุ้นส่วนจาก Castle Island Ventures และผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์คริปโต กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า ‘ระบอบสองขั้วของสเตเบิลคอยน์กำลังล่มสลาย’ พร้อมอธิบายว่า การเกิดขึ้นของ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ให้ผลตอบแทนดอกเบี้ย’ เริ่มกลายเป็นทางเลือกที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุน และจะลดความได้เปรียบของผู้ให้บริการดั้งเดิมลง นอกจากนี้ สถาบันการเงินแบบดั้งเดิมเองก็อาจกลายเป็นคู่แข่งในอนาคตได้เช่นกัน
ในเดือนมีนาคม 2024 มูลค่าตลาดรวมของสเตเบิลคอยน์แตะระดับสูงสุดที่ราว 194.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเทเธอร์มีมูลค่าราว 99 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ USDC อยู่ที่ประมาณ 29 พันล้านดอลลาร์ รวมกันคิดเป็นสัดส่วน 91.6% ของตลาดทั้งหมด ซึ่งชี้ให้เห็นถึง ‘ความเป็นเจ้าตลาด’ อย่างแท้จริงในขณะนั้น
แต่อุตสาหกรรมกำลังเปลี่ยนไป สเตเบิลคอยน์แบบใหม่ที่มอบผลตอบแทน และโครงการของผู้เล่นหน้าใหม่มากมาย กำลังเข้ามาเขย่าตลาด สร้างความหลากหลายและทางเลือกใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่มสถาบันที่มองหาผลตอบแทนเชิงพาณิชย์
ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนเตือนว่า การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่ใช่แค่ชั่วคราว แต่เป็นการเคลื่อนย้าย ‘อำนาจ’ อย่างแท้จริง ซึ่งส่งผลต่อบทบาทของสเตเบิลคอยน์ในด้านนโยบายและแนวทางใช้งานในอนาคต และเมื่อโลกของคริปโตกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยน กลยุทธ์ของผู้เล่นในตลาดเองก็ต้องปรับตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ความคิดเห็น 0