คาซัคสถานเดินหน้าใช้นโยบายสองด้าน โดยผลักดันทั้ง *เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง(CBDC)* และ *เหรียญสเตเบิลคอยน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ* ควบคู่กันอย่างจริงจัง ความพยายามนี้มีเป้าหมายเพื่อแย่งชิงความเป็นผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดย ‘ความสามารถในการใช้งานร่วมกัน’ และ ‘การบูรณาการระหว่างกัน’ เป็นหัวใจหลักของแนวคิด
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ธนาคารกลางคาซัคสถานได้ร่วมมือกับโซลานา(SOL) และมาสเตอร์การ์ด เปิดตัว *Evo* สเตเบิลคอยน์ที่มีมูลค่าผูกกับเงินสกุลท็งเก้(Tenge) ซึ่งเป็นเงินสกุลหลักของประเทศ โดย Evo ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างแรก ๆ ของ ‘เหรียญสเตเบิลคอยน์ที่ภาครัฐให้การสนับสนุน’ ในระดับโลก ขณะเดียวกัน โครงการ *เงินดิจิทัลท็งเก้* ซึ่งเป็น CBDC อย่างเป็นทางการของรัฐบาล ก็มีการทดสอบใช้งานมาตั้งแต่ปี 2023 และยังคงดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
เบอริก โชลปันคูรอฟ(Berik Sholpankulov) รองผู้ว่าการธนาคารกลาง ให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph ว่า “*ดิจิทัลท็งเก้กับ Evo ไม่ได้เป็นคู่แข่งกัน ตรงกันข้าม เรามองว่านี่คือโอกาสในการเชื่อมโยงและใช้งานร่วมกัน*” เขาเสริมว่า แม้ดิจิทัลท็งเก้จะยังอยู่ในระยะทดลอง แต่ก็สามารถรวมโครงการต่าง ๆ และผู้มีส่วนร่วมได้อย่างเป็นระบบ ทั้งนี้ ขณะนี้รัฐสภาคาซัคสถานกำลังดำเนินการร่างกฎหมายเพื่อให้ *เงินดิจิทัลท็งเก้มีสถานะเป็นเงินตามกฎหมาย*
โชลปันคูรอฟอธิบายเพิ่มเติมว่า เหรียญสเตเบิลคอยน์อย่าง Evo ซึ่งออกโดยภาคเอกชน จะมีการใช้งานขึ้นอยู่กับขนาดของ *ระบบนิเวศที่รองรับ* และ *จำนวนผู้ใช้งาน* ส่วนทางด้าน CBDC อย่างดิจิทัลท็งเก้นั้น เน้นเรื่อง *สถานะความเป็นเงินตามกฎหมาย* และมีบทบาทสำคัญใน *โครงสร้างระบบชำระเงินระหว่างธนาคาร*
ความคืบหน้าของทั้ง Evo และดิจิทัลท็งเก้ ส่งผลให้คาซัคสถานกลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญเกี่ยวกับ *โมเดลความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน* ในด้านเงินดิจิทัล หากสามารถบรรลุ *กลไกการเสริมกันและเชื่อมโยงทางเทคโนโลยี* ระหว่างสองระบบได้สำเร็จ อาจกลายเป็นแนวทางสำคัญสำหรับธนาคารกลางในประเทศอื่น ๆ ที่กำลังวางแผนนโยบายด้านคริปโตและ CBDC ในอนาคต
ความคิดเห็น 0