บิตคอยน์(BTC) กลับมาเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจอีกครั้ง หลังจากราคาพุ่งแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 125,782 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.74 ล้านบาท) โดยในตลาดมีการประเมินว่า *ซาโตชิ นากาโมโตะ* ผู้ก่อตั้งบิตคอยน์ ซึ่งยังไม่เคยเคลื่อนไหวเหรียญ 1.096 ล้าน BTC ที่ถือไว้ อาจมี *มูลค่าทรัพย์สิน* กว่า 136.28 พันล้านดอลลาร์ (ราว 189.82 ล้านล้านวอน) ซึ่งเทียบเท่ากับระดับความมั่งคั่งของ *คนที่รวยที่สุด 5 อันดับแรกของโลก*
ควบคู่กับราคาบิตคอยน์ที่พุ่งสูง ในฝั่งของอีเธอเรียม(ETH) ก็เกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นกัน โดยตามข้อมูล *ออนเชน* พบว่า บริษัทวิจัยชื่อว่า ‘เทรนด์ รีเสิร์ช’ ได้ทยอยโอน ETH จำนวน 96,100 เหรียญ มูลค่าโดยรวม 426.89 ล้านดอลลาร์ (ราว 5,935 ล้านบาท) ไปยัง *ไบแนนซ์* ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งถูกตีความว่าไม่ใช่การขายเพื่อทำกำไร แต่เป็น *การจัดสมดุลพอร์ตเชิงโครงสร้าง* ส่งผลให้เกิดกระแสคาดหวังว่า ETH อาจมีโอกาสแตะระดับสูงสุดใหม่อีกครั้ง ปัจจุบัน ETH ซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 4,563 ดอลลาร์ (ราว 634,000 บาท) และหากสามารถทะลุแนวต้านที่ 4,600~4,800 ดอลลาร์ได้ ก็อาจวิ่งไปถึง 5,000 ดอลลาร์ (เกือบ 700,000 บาท) ได้ในอนาคตอันใกล้
ในฝั่งของตลาดอัล트คอยน์ ก็มีโทเคนหลายตัวที่ทำผลงานได้โดดเด่น โดยเฉพาะ *ซี้แคช(ZEC)* ซึ่งเป็นเหรียญที่เน้นด้านความเป็นส่วนตัว ล่าสุดราคาพุ่งขึ้นถึง 154.99% ภายในสัปดาห์เดียว และหากนับจากช่วงเดือนที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้นรวมแล้วกว่า 283% ปัจจุบัน ZEC มีราคาซื้อขายอยู่ที่ 155.75 ดอลลาร์ (ราว 216,000 บาท) โดยนักวิเคราะห์หลายรายใช้เครื่องมือ *ฟีโบนักชี* คาดการณ์ว่าแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 221 ดอลลาร์ และ 318 ดอลลาร์ และหากโมเมนตัมยังคงอยู่ ZEC อาจทะยานไปถึงช่วง 476~614 ดอลลาร์ (ราว 660,000~850,000 บาท)
ในอีกด้านหนึ่ง ประเทศ เอลซัลวาดอร์ ก็เป็นหนึ่งในผู้ชนะของตลาดคริปโต โดยรัฐบาลได้บันทึก *กำไรจากการถือครอง BTC* ไว้แล้วมากถึง 475 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 6,608 ล้านบาท) นับตั้งแต่ประเทศนี้กลายเป็นชาติแรกของโลกที่ยอมรับบิตคอยน์เป็น *เงินตราถูกกฎหมาย* อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2021 ความสำเร็จนี้ตอกย้ำว่า ยุทธศาสตร์ในระยะยาวของเอลซัลวาดอร์กำลังผลิดอกออกผล
จุดกลับตัวสำคัญถัดไปของบิตคอยน์คาดว่าจะอยู่ที่ราว 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.75 ล้านบาท) หากทะลุผ่านไปได้อย่างมั่นคง อาจเกิด “*แรงบีบสั้น (short squeeze)*” ส่งให้ราคาพุ่งไปอยู่ในช่วง 130,000~135,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.8~1.87 ล้านบาท) ได้ แต่หากราคาหลุดจากระดับแนวรับหลักที่ 120,000 ดอลลาร์ (ราว 1.66 ล้านบาท) ก็อาจเกิด *แรงขายทำกำไร* และส่งผลต่อตลาดในระยะสั้น
เดือนตุลาคมซึ่งมีแนวโน้มตลาดขาขึ้นชัดเจนจนถูกขนานนามว่า ‘*Uptober*’ กำลังสร้างบรรยากาศเชิงบวกทั่วทั้งวงการคริปโต โดยที่บิตคอยน์กำลังกำหนด *หมุดหมายใหม่*, ขณะที่อีเธอเรียมและเหล่าอัลต์คอยน์ต่างเร่งเครื่องไล่ตาม สำหรับ ZEC ซึ่งมีจุดแข็งด้านความเป็นส่วนตัว นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า *อาจกลายเป็นผู้นำตลาดในรอบขาขึ้นนี้* ซึ่งทำให้การติดตามทิศทางของเหรียญนี้กลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของตลาดคริปโตช่วงนี้
ความคิดเห็น 0