ตั้งแต่ปี 2020 บิตคอยน์(BTC) ทำผลตอบแทนได้สูงกว่าดัชนีหุ้นแนวหน้าของสหรัฐอย่าง S&P500 ถึง *ประมาณ 88%* ซึ่งข้อมูลนี้กำลังได้รับความสนใจในฐานะเครื่องยืนยันว่า ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าทรัพย์สินดั้งเดิมสำหรับนักลงทุนยุคใหม่
เมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา ฟิล โรเซน(Phil Rosen) ผู้ร่วมก่อตั้งจดหมายข่าวด้านการลงทุน “Opening Bell Daily” ได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ Twitter) ว่า "S&P500 เติบโตขึ้น 106% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐตั้งแต่ปี 2020 แต่หากวัดในหน่วย BTC จะพบว่าค่าของมัน *ลดลงในระดับที่เรียกว่า 'พังทลาย'*" ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบิตคอยน์ยังคงมี ‘อัตราการเติบโตที่เหนือกว่า’ อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์(Warren Buffett) นักลงทุนชื่อดังที่ถูกขนานนามว่า ‘นักปราชญ์จากโอมาฮา’ ได้ย้ำมาตลอดว่านักลงทุนควรลงทุนใน S&P500 อย่างสม่ำเสมอ แต่อีกด้านหนึ่ง ผู้สนับสนุนบิตคอยน์กลับยกสถิตินี้ขึ้นมาโต้แย้ง พร้อมชี้ว่า ‘ทรัพย์สินดิจิทัล’ กำลังเข้ามาท้าทายระบบการเงินดั้งเดิมอย่างเด่นชัด ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการเติบโตที่เหนือกว่า ยังช่วยผลักดันให้นักลงทุนบางรายเริ่ม *ทบทวนกลยุทธ์การลงทุนแบบเดิม*
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าความแข็งแกร่งของบิตคอยน์ไม่ได้เกิดจากความผันผวนระยะสั้นเพียงอย่างเดียว แต่สะท้อนผลกระทบจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ปัญหาเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ และแรงสนับสนุนต่อทรัพย์สินแบบไร้ศูนย์กลาง สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของบิตคอยน์ในฐานะ ‘ทรัพย์สินทางเลือก’ ที่ยังคงได้รับการจับตามองทั้งในด้านมูลค่าและบทบาทในระบบเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน การที่ผู้นำทางการเมืองอย่าง *ทรัมป์* เริ่มให้ความสำคัญกับนโยบายคริปโตเคอร์เรนซีมากขึ้น ก็เปรียบเสมือนอีกสัญญาณหนึ่งที่ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงระดับโครงสร้างในวงการการเงิน
แนวโน้มการเติบโตของบิตคอยน์เมื่อเทียบกับดัชนีอย่าง S&P500 กำลังสะท้อนว่า ‘คริปโตเคอร์เรนซี’ ได้ผ่านพ้นสถานะการทดลองทางเทคโนโลยี และกำลังก้าวเข้าสู่ช่วง *ยืนยันศักยภาพด้านการสร้างผลตอบแทนอย่างแท้จริง* และในอนาคต สถิติเปรียบเทียบระหว่างทรัพย์สินดิจิทัลกับตลาดหุ้นแบบดั้งเดิมอาจกลายเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญที่ใช้สนับสนุนความชอบธรรมของการลงทุนในคริปโตต่อไป
ความคิดเห็น 0