ริปเปิล(XRP) กำลังเผชิญกับช่วงชี้ขาดทางเทคนิคสำคัญ ซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนของทิศทางราคาในอนาคต โดยในขณะนี้ ราคาของริปเปิลกำลังเคลื่อนไหวในลักษณะ *รูปแบบลิ่มแคบ* ซึ่งสะท้อนถึงการ *สะสมพลังของตลาด* ตามที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคหลายรายระบุ
จากกราฟวัน ริปเปิลยังอยู่ในกรอบระหว่างเส้นแนวต้านขาลงซึ่งลากจากจุดสูงสุดตั้งแต่ต้นปี กับเส้นแนวรับขาขึ้น ล่าสุดสามารถฟื้นตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะ 100 วันและ 200 วันได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าความ *เชื่อมั่นของฝั่งซื้อเริ่มกลับมา* ปัจจุบัน XRP เคลื่อนไหวอยู่บริเวณระดับราคา 3.05–3.15 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,240,000–4,380,000 วอน ซึ่งเป็น *แนวต้านสำคัญเดิม* ที่ราคาพยายามทะลุหลายครั้งก่อนหน้านี้
หากสามารถทะลุระดับดังกล่าวได้อย่างชัดเจน ราคาอาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปที่ *เป้าหมายระยะสั้น* บริเวณ 3.35 ดอลลาร์ (ราว 4,660,000 วอน) และในกรณีดีที่สุดอาจแตะ 3.60 ดอลลาร์ (ประมาณ 5,000,000 วอน) ซึ่งเป็นเขตแนวต้านทับซ้อนกับ *กลุ่มสภาพคล่องระดับสูงบนไทม์เฟรมใหญ่* อย่างไรก็ตาม หากไม่สามารถผ่าน 3.15 ดอลลาร์ได้ในระยะใกล้ ความเสี่ยงในการปรับฐานครั้งใหม่ก็จะเพิ่มขึ้น โดยมีแนวรับแรกอยู่ที่ 2.75–2.80 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,820,000–3,890,000 วอน) ซึ่งตรงกับ *ขอบล่างของลิ่มและค่าความเคลื่อนไหวเฉลี่ย 200 วัน* ทำให้โซนนั้นอาจกลายเป็นจุดตัดสินสำคัญของ *แรงซื้อในระยะกลาง*
ในกรอบเวลา 4 ชั่วโมง การเคลื่อนไหวของ XRP ก็ยังคงถูกจำกัดภายในช่องทางขาลง ล่าสุดราคาได้ลองทดสอบแนวต้านช่วง 3.10–3.15 ดอลลาร์อีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ทำให้ *แรงซื้อระยะสั้นชะลอตัว* อย่างไรก็ตาม โครงสร้างราคาที่ ‘*ต่ำสุดยกสูงขึ้น*’ ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของฝั่งซื้อที่ยังคงทยอยเข้าสะสมอย่างต่อเนื่อง
จากภาวะการบีบตัวของราคาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาจะ *เคลื่อนไหวครั้งใหญ่* ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในวันหรือสัปดาห์ถัดไป หากสามารถทะลุแนวต้าน 3.15 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง แบบมีปริมาณซื้อชัดเจน แนวต้านถัดไปที่ 3.35 และ 3.60 ดอลลาร์ก็ถูกมองเป็น *เป้าหมายราคาในระยะสั้น* แต่หากกลับถูกกดดันไม่ให้ขึ้นต่อ แนวรับ 2.70–2.75 ดอลลาร์ (ประมาณ 3,750,000–3,820,000 วอน) จะกลายเป็นกรอบรับสำคัญของรอบนี้
โดยรวมแล้ว XRP ยังคงอยู่ในสถานะ *ก่อนระเบิดของการเคลื่อนไหว* ราคาครั้งใหม่ ขณะที่ปริมาณซื้อยังอยู่ในระดับต่ำ แต่แนวโน้มของแรงซื้อที่เริ่มฟื้นตัวและการกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยแบบระยะยาว ก็เป็นปัจจัยเชิงบวกที่ไม่ควรมองข้าม อย่างไรก็ดี *การยืนยันการทะลุราคาอย่างชัดเจน* ยังเป็นสิ่งที่ตลาดเฝ้ารอ เพราะจะเป็นตัวกำหนดทิศทางถัดไปว่าจะทะยานขึ้นต่อ หรือถูกปรับฐานอีกระลอกในระยะใกล้
ความคิดเห็น 0