บล็อกเชนกำลังกลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอุตสาหกรรม ‘โรโบติกส์’ โดยเฉพาะเมื่อหุ่นยนต์เริ่มมีบทบาทเชิงพาณิชย์มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ *ไทเกอร์ตี้รีเสิร์ช(Tiger Research)* ชี้ให้เห็นในรายงานล่าสุด ระบุว่าบล็อกเชนจะถูกนำมาใช้ในสี่ด้านหลัก ได้แก่ การรวบรวมข้อมูลคุณภาพสูง การทำงานร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์ การพัฒนาโอเพนซอร์ส และการสร้าง ‘เศรษฐกิจของหุ่นยนต์’ ทั้งยังเน้นว่า *โครงสร้างพื้นฐานแบบกระจายศูนย์* อาจ ‘เหมาะสมสำหรับหุ่นยนต์มากกว่าสำหรับมนุษย์’
การกลับมาของกระแสหุ่นยนต์เกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากการเปิดตัวของหุ่นยนต์ออพติมัส(Optimus) จากเทสลา(TSLA), และเฮลิกซ์(Helix) จากฟิกเกอร์(Figure) รวมถึงการสาธิตของเจมินายโรโบติกส์(Gemini Robotics) โดยกูเกิล ซึ่งตอกย้ำถึงศักยภาพของการรวมปัญญาประดิษฐ์เข้ากับหุ่นยนต์ รายงานชี้ว่าเมื่อแนวโน้มทั้งหมดถูกร้อยเรียงรวมกัน จึงกลายเป็นกระแส ‘*โรโบติกส์เมตา*’ ซึ่งการรวมพลังระหว่างหุ่นยนต์และบล็อกเชนอาจเป็น ‘วิสัยทัศน์ใหม่’ ที่น่าจับตามอง
หนึ่งในข้อท้าทายหลักของโรโบติกส์คือการจัดหา *ข้อมูลการเรียนรู้ที่มีคุณภาพจากโลกจริง* โดย *PrismaX* พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยโมเดล ‘เทเลโอเปอร์เรชัน (teleoperation)’ คือให้ผู้เล่นควบคุมหุ่นยนต์จากระยะไกลเพื่อสร้างข้อมูลใช้งานจริง พร้อมจ่ายรางวัลด้วยคริปโต ขณะที่ *OVR (Over the Reality)* ให้ผู้ใช้ ‘สแกนพื้นที่จริง’ เพื่อสร้างข้อมูล 3D แล้วให้รางวัลเป็นโทเคน ทั้งสองโครงการสร้างแนวทางใหม่ในการนำข้อมูลปฏิสัมพันธ์จากโลกจริงมาใช้กับโมเดล AI สำหรับหุ่นยนต์ ซึ่งเปิดทางให้โรโบติกส์เดินตามกฎของ ‘การขยายข้อมูลแบบสเกล’ ที่เคยได้ผลในวงการปัญญาประดิษฐ์
อีกด้านหนึ่งคือการทำงานร่วมกันของหุ่นยนต์หลายตัวในระบบที่ไม่มีตัวกลาง โดย *Sui* บล็อกเชนเลเยอร์1 ได้สาธิตว่า หุ่นยนต์หลายตัวสามารถทำงานร่วมกันแบบกระจายศูนย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยี *Mysticeti* ซึ่งมีระบบ ‘ฉันทามติไร้ดีเลย์’ และรองรับสถานการณ์ผิดพลาดแบบไบแซนไทน์ (Byzantine fault tolerance) ความสามารถนี้ทำให้ ‘บล็อกเชน’ กลายเป็นพื้นฐานเทคโนโลยีที่ได้เปรียบของโรโบติกส์ในแง่ความน่าเชื่อถือและความยืดหยุ่น
สำหรับด้านซอฟต์แวร์ *OpenMind* กำลังพัฒนา *OM1* ระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สที่ออกแบบมาสำหรับหุ่นยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้นักพัฒนาและผู้ผลิตสามารถใช้มาตรฐานเดียวกันในการสร้างหุ่นยนต์ทุกประเภท ฟังก์ชันนี้มีลักษณะใกล้เคียงกับ ‘แอนดรอยด์’ ที่รวมระบบมือถือหลากหลายไว้ในระบบเดียว ซึ่งจะช่วยให้เกิด *ความหลากหลายและการขยายระบบในอัตราสูง*
นอกจากนี้ โปรเจกต์ *Peaq* ยังพัฒนาบล็อกเชนเลเยอร์1 ที่ออกแบบมาให้ ‘หุ่นยนต์สามารถทำธุรกรรมได้ด้วยตัวเอง’ ทั้งยังมีการออกแบบระบบ ‘ดิจิทัลไอดี’ สำหรับหุ่นยนต์อีกด้วย ในฮ่องกง Peaq กำลังทดสอบ *โรโบฟาร์ม(Robo-farm)* ซึ่งใช้หุ่นยนต์ในการปลูกผักแบบอัตโนมัติ พร้อมรับรายได้ผ่านโครงสร้าง NFT การทดลองนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างของโมเดล *MachineFi* ที่ใช้หุ่นยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจริงบนโลก
รายงานของไทเกอร์ตี้รีเสิร์ชสรุปว่า เราอาจเริ่มเห็น ‘*บล็อกเชนถูกใช้งานในกลุ่มหุ่นยนต์ก่อนมนุษย์*’ เพราะโครงสร้างสังคมมนุษย์ยังพึ่งพาระบบดั้งเดิม เช่น ระบบการเงินหรือการชำระเงินแบบรวมศูนย์ แต่หุ่นยนต์ที่ต้องทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์และต้องใช้สัญญาอัตโนมัติ กลับสามารถ ‘ดำเนินการบนโครงสร้างแบบกระจายศูนย์ได้โดยตรง’ รายงานถึงขั้นเสนอว่า “บางที บล็อกเชนอาจถูกสร้างขึ้นมาสำหรับหุ่นยนต์ตั้งแต่ต้นก็เป็นได้”
โมเดลนี้เริ่มดูสมจริงขึ้นเมื่อพิจารณาว่า *มอร์แกน สแตนลีย์* คาดการณ์ว่า ภายในปี 2050 จะมีหุ่นยนต์แบบสองขา (ฮิวมานอยด์) กว่า *1,000 ล้านตัว* ทำหน้าที่เป็น *เอนทิตีทางเศรษฐกิจอิสระ* เมื่อถึงเวลานั้น บล็อกเชนจะไม่ใช่แค่เทคโนโลยีพื้นฐานอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นองค์ประกอบ ‘จำเป็น’ ต่อสังคมหุ่นยนต์ และอาจเป็นเวทีใหม่ของการขยายตัวของ *คริปโตเคอร์เรนซี* อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0