บิตมายน(BitMine Immersion Technologies) บริษัทขุดบิตคอยน์(BTC) เผชิญแรงกดดันหลังจากที่หุ้นของบริษัทมีการดีดตัวในระยะสั้น แต่กลับตกเป็นเป้าของกลุ่มนักลงทุนสายขายชอร์ต โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 บริษัทการลงทุนชื่อดัง เคอร์ริสเดล แคปิตอล(Kerrisdale Capital) ออกมาเปิดเผยว่าได้เข้าถือสถานะขายชอร์ตในบิตมายน พร้อมระบุว่า *“โมเดลธุรกิจของบิตมายนกำลังเข้าสู่ช่วงปลาย”*
ในรายงานที่เผยแพร่ในวันเดียวกัน เคอร์ริสเดลชี้ว่า กลยุทธ์ของบิตมายนที่ออกหุ้นในราคาสูง เพื่อระดมทุนและนำมาซื้ออีเธอเรียม(ETH) เพื่อยกระดับอัตราส่วนการถือครองโทเค็นต่อหุ้นนั้น เริ่มหมดความน่าสนใจในตลาดแล้ว ขณะเดียวกันมูลค่าบริษัทเมื่อเทียบกับปริมาณคริปโตที่ถือครองก็เริ่มเข้าใกล้กันมากขึ้น ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับ *“ความยั่งยืนของโมเดลดังกล่าว”*
ตั้งแต่ต้นปี บิตมายนได้ปรับกลยุทธ์จากการขุดบิตคอยน์มาเป็นการสะสมโทเค็น ETH ในปริมาณมหาศาล ปัจจุบันบริษัทถือเป็นหนึ่งในบริษัทมหาชนที่ถือครองอีเธอเรียมมากที่สุด โดยเคอร์ริสเดลเผยว่า บิตมายนถือหุ้นในอัตราเฉลี่ย 9 ETH ต่อหุ้น 1,000 หุ้น ซึ่งเทียบเท่ากับการถือ ETH รวมประมาณ 2.83 ล้านเหรียญ มูลค่ากว่า 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.73 ล้านล้านวอน
แม้ธุรกิจประเภท ‘คริปโตเทรชเชอรี’ ที่ครอบครองเหรียญในระดับองค์กรจะไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ และรวมถึงบิตมายนด้วย แต่เคอร์ริสเดลตั้งข้อสังเกตว่า กลยุทธ์เหล่านี้อาจไม่ได้แปลว่า บริษัทย่อมเติบโตอย่างแท้จริง *“ความคิดเห็น: กลยุทธ์ถือเหรียญมากอาจเป็นการเรียกร้องความสนใจจากนักลงทุน มากกว่าการเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ”*
หลังรายงานถูกเผยแพร่ในวันที่ 9 ราคาหุ้นบิตมายน(BMNR) เปิดตลาดที่ 60 ดอลลาร์ (ประมาณ 83,400 วอน) ก่อนจะร่วงลงกว่า 5% ไปแตะระดับต่ำสุดที่ 57.41 ดอลลาร์ (ประมาณ 79,800 วอน) กระนั้น ราคาหุ้นสามารถดีดกลับขึ้นมาได้ โดยปิดตลาดที่ราคาเดิม 60 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.35% จากวันก่อนหน้า และยังปรับตัวเพิ่มอีก 0.4% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด
ตลอดช่วงที่ผ่านมา เคอร์ริสเดลมีประวัติในการตั้งเป้าขายชอร์ตต่อบริษัทในวงการคริปโตรายอื่นหลายแห่ง รวมถึง ไรออต แพลตฟอร์มส(Riot Platforms) และ สแตรทิจี(Strategy) โดยไรออตเคยออกแถลงการณ์โต้กลับว่า รายงานของเคอร์ริสเดล *“อ้างอิงการวิเคราะห์ที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ”* ส่วนสแตรทิจีแม้ไม่ได้แสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการ แต่ประธานบริษัท ไมเคิล เซย์เลอร์(Michael Saylor) ได้กล่าวย้ำถึง *“ความน่าดึงดูดในการลงทุนของบริษัทอย่างต่อเนื่อง”*
ขณะที่ฝั่งบิตมายนยังไม่มีการออกแถลงการณ์หรือแสดงจุดยืนอย่างเป็นทางการต่อรายงานฉบับดังกล่าว
ความคิดเห็น 0