มอร์แกน สแตนลีย์(MS) ธนาคารเพื่อการลงทุนรายใหญ่ของสหรัฐ เตรียม *ขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ลงทุนในคริปโตอย่างเต็มรูปแบบ* โดยจะเปิดให้ลูกค้าทุกกลุ่มสามารถลงทุนในกองทุน ETF บิตคอยน์(BTC) ชั้นนำ ซึ่งเดิมทีจำกัดเฉพาะนักลงทุนสินทรัพย์สูงเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงท่าทีที่เปิดกว้างมากขึ้นของสถาบันการเงินดั้งเดิมต่อคริปโต
เมื่อวันที่ 24 (เวลาท้องถิ่น) ตามรายงานของ CNBC มอร์แกน สแตนลีย์ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมเป็นต้นไป ที่ปรึกษาการเงินของบริษัทจะสามารถเสนอผลิตภัณฑ์ ETF บิตคอยน์จากแบล็คร็อก(BLK) และฟิเดลิทีให้แก่ลูกค้าทุกประเภท โดยยกเลิกข้อจำกัดเดิมที่กำหนดให้เฉพาะผู้มีสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 52 ล้านบาท) เท่านั้น อีกทั้งบริการจะไม่จำกัดอยู่แค่บัญชีเสียภาษี แต่ขยายไปยังบัญชีเกษียณ (IRA) อีกด้วย
นโยบายใหม่นี้สอดคล้องกับคำแนะนำจากคณะกรรมการการลงทุนทั่วโลกของมอร์แกน สแตนลีย์ ซึ่งแนะนำให้ *เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในคริปโตไม่เกิน 4%* ของพอร์ตโดยรวม แสดงให้เห็นว่าโลกการเงินดั้งเดิมเริ่มมองคริปโตเป็น *สินทรัพย์เชิงกลยุทธ์* แทนที่จะเป็นเพียงสินทรัพย์เสริม
อย่างไรก็ตาม มอร์แกน สแตนลีย์ยังคงเน้นย้ำแนวทาง *การบริหารความเสี่ยงอย่างเข้มงวด* โดยระบบภายในจะมีการตรวจสอบพอร์ตลูกค้าแบบเรียลไทม์ และให้สัญญาณเตือนหากสัดส่วนการลงทุนในคริปโตเกินกว่าข้อจำกัดที่กำหนด ถือเป็นมาตรการป้องกันการลงทุนที่เกินตัว
การตัดสินใจครั้งนี้อาจเปิดทางให้เม็ดเงินนับ *หลายหมื่นล้านบาทไหลเข้าสู่ระบบนิเวศคริปโต* โดยผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าการคลายข้อจำกัดเช่นนี้จะกลายเป็น ‘จุดเปลี่ยน’ ที่ช่วยผลักดันสถาบันต่าง ๆ ให้เข้ามามีบทบาทในตลาดคริปโตมากยิ่งขึ้น
ตลาดก็เริ่มตอบรับในทางบวก ETF ของแบล็คร็อกและฟิเดลิทีที่เปิดตัวเมื่อต้นปีนี้สามารถ *เพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างรวดเร็ว* โดยคาดว่าเมื่อเปิดให้เข้าถึงอย่างเต็มรูปแบบ จะสามารถยกระดับทั้งสภาพคล่องและความเชื่อมั่นได้อีกระดับ โดยเฉพาะการเปิดให้บัญชีเกษียณสามารถลงทุนในคริปโตได้ ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า สินทรัพย์ดิจิทัลกำลัง *ก้าวสู่สถานะการเป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงในระบบการเงินหลัก*
ความคิดเห็น 0