Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

กลุ่ม G7 ผนึกธนาคารยักษ์ใหญ่พัฒนาสตเบิลคอยน์อิงสกุลเงินหลัก รับกฎหมาย GENIUS หนุนตลาดคริปโต

กลุ่ม G7 ผนึกธนาคารยักษ์ใหญ่พัฒนาสตเบิลคอยน์อิงสกุลเงินหลัก รับกฎหมาย GENIUS หนุนตลาดคริปโต / Tokenpost

โครงการพัฒนาสตเบิลคอยน์ที่มีสินทรัพย์รองรับจริงกำลังอยู่ระหว่างการสำรวจโดยกลุ่มธนาคารจากกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งรวมถึงสหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่น โดยความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือระดับพหุภาคี นำโดยธนาคารใหญ่เช่น แบงก์ออฟอเมริกา, โกลด์แมน แซคส์(GS), ดอยช์แบงก์ และซิตี้กรุ๊ป(C) ทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนา ‘สเตเบิลคอยน์’ ที่อิงกับ ‘สกุลเงินหลักของโลก’ ในอัตราส่วน 1:1 โดยมีหลักทรัพย์รองรับจริง

ตามข้อมูลจาก บีเอ็นพีพารีบา ธนาคารจากฝรั่งเศสที่เข้าร่วมด้วย โครงการนี้ตั้งใจจะสร้างระบบ ‘การชำระเงินที่เสถียร’ บนบล็อกเชนสาธารณะ ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในวงกว้าง พร้อมระบุว่า ยังให้ความสำคัญกับ ‘การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์’ และ ‘การบริหารความเสี่ยง’ เพื่อเสริมความเชื่อมั่นในโครงสร้างทางการเงินดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าการแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง USDT ของเทเธอร์(USDT) คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

ด้านธนาคารสหรัฐ ความเคลื่อนไหวนี้ได้รับแรงส่งจากกฎหมายใหม่ ‘GENIUS’ ที่เพิ่งผ่านการรับรอง โดยประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ภายใน 15 เดือนนับจากนี้ และจะเริ่มมีผลจริงภายใน 120 วัน หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐและธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) กำหนดระเบียบปฏิบัติไว้เสร็จสิ้น

แต่แม้จะผ่านกฎหมายแล้ว ‘GENIUS’ กลับกลายเป็นจุดถกเถียงในวงการ เพราะบางธนาคารแสดงความกังวลต่อประเด็นที่กฎหมายอนุญาตให้ ‘สเตเบิลคอยน์ที่ให้ดอกเบี้ย’ เข้าสู่ตลาดได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ความผันผวนในระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยมีการยื่นข้อเสนอให้รัฐสภาและหน่วยงานกำกับดูแล ‘ทบทวน’ กฎหมายอีกครั้ง

ความคิดเห็นบางส่วนก็สนับสนุนแนวทางใหม่นี้ โดย ทูชาร์ จายน์(Tushar Jain) ผู้ร่วมก่อตั้ง มัลตี้คอยน์ แคปิตอล ให้ความเห็นว่า “ลูกค้าธนาคารจะเริ่มย้ายเงินฝากไปยังสเตเบิลคอยน์ที่จ่ายดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งจะทำให้บริษัทเทคโนโลยีเข้าสู่สนามแข่งกับสถาบันการเงินแบบไร้ข้อจำกัด” ขณะที่ ดันเต ดิสปาร์เต(Dante Disparte) ผู้บริหารจากเซอร์เคิล กล่าวว่านี่คือโครงสร้างตลาดที่ ‘ไม่ปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถือครองอำนาจมากเกินไป’ โดยออกแบบให้มีความ ‘สมดุล’ อย่างชัดเจน

ดังนั้น โครงการสเตเบิลคอยน์ของกลุ่ม G7 ครั้งนี้ จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ ‘การทดลองเทคโนโลยีใหม่’ แต่กลายเป็นเวทีทดสอบการหลอมรวมระหว่าง ‘การเงินดั้งเดิมและการเงินดิจิทัล’ ว่าจะสามารถอยู่ร่วมกันและยกระดับวงการได้หรือไม่ ท่ามกลางความร่วมมือของธนาคารยักษ์ใหญ่และกรอบกฎหมายใหม่ที่อาจกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมในอนาคต

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1