ราคาบิตคอยน์(BTC) ฟื้นตัวกลับมายืนเหนือระดับ 115,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.6 ล้านบาท) ได้อีกครั้งในวันจันทร์ที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) กลบการร่วงลงบางส่วนจากการเทขายขนานใหญ่เมื่อวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้มูลค่าตลาดคริปโตเคอร์เรนซีหายไปราว 20,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 2.78 ล้านล้านวอน) ในช่วงเวลาดังกล่าว แม้จะเจอแรงกดดันอย่างหนัก แต่อัตราฟื้นตัวนี้กลับส่งสัญญาณว่าบิตคอยน์อาจกำลังเข้าสู่ ‘แนวโน้มบวก’ อีกครั้ง
การฟื้นตัวครั้งนี้ถือว่ามี ‘นัยสำคัญ’ เนื่องจากเป็นการดีดกลับจากจุดต่ำเมื่อวันศุกร์ที่ระดับ 107,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.48 ล้านบาท) ซึ่งแสดงถึงการปรับขึ้นราว 8% โดยนักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า แนวรับในระยะกลางและสั้นได้กลับมาแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อตัวราคาบิตคอยน์สามารถทะลุผ่านระดับต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนระยะสั้น (Short-Term Holder cost basis) ที่ 114,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 1.58 ล้านบาท) ได้ ซึ่งบ่งชี้ถึง ‘สัญญาณฟื้นตัวของความต้องการ’ และ ‘โอกาสขาขึ้นเพิ่มเติม’
ต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนระยะสั้นนี้หมายถึงราคาที่บรรดาผู้ถือบิตคอยน์ภายใน 155 วันล่าสุดได้ทำการซื้อมา หากราคาตลาดสามารถทะลุผ่านระดับนี้ขึ้นไปได้ มักจะแสดงถึง ‘แรงบวกทางจิตวิทยา’ ต่อกลุ่มนักลงทุนที่เพิ่งเข้าสู่ตลาด และอาจกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อกลับเข้ามา (Buy-back)
แฟรงก์ เฟตเตอร์(Frank Fetter) นักวิเคราะห์สายควอนต์จากบริษัทจัดการสินทรัพย์วายบส์ แคปิตอล แมเนจเมนท์(Vibes Capital Management) แสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียของเขาว่า “บิตคอยน์กลับมายืนเหนือระดับต้นทุนของผู้ถือระยะสั้นอีกครั้ง” พร้อมเสริมว่า “**การแสดงยังไม่จบ**”
บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังคงมองว่า บิตคอยน์ยังคงอยู่ใน *แนวโน้มขาขึ้นในภาพรวม* แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น โดยมีการตั้งเป้าราคากลางถึงระยะยาวไว้ที่ 150,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 2.08 ล้านบาท) ซึ่งตอกย้ำว่าราคาบิตคอยน์ยังคงมี ‘โมเมนตัมเชิงบวก’ ที่แข็งแกร่ง
ในอีกด้านหนึ่ง การดีดตัวในครั้งนี้มีส่วนช่วย ‘พลิกฟื้นความเชื่อมั่นของตลาด’ และเพิ่มความน่าจะเป็นที่บิตคอยน์จะ ‘กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้น’ อีกครั้ง ซึ่งทิศทางของตลาดในสัปดาห์นี้ จะถูกกำหนดโดยศักยภาพในการรักษาการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของบิตคอยน์เองเป็นหลัก
ความคิดเห็น 0