อีเธอเรียม(ETH) กำลังแสดงสัญญาณฟื้นตัวหลังจากสามารถต้านทานแรงเทขายครั้งใหญ่ที่กดดันตลาดคริปโตในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยราคายืนเหนือแนวรับสำคัญ และเริ่มเคลื่อนไหวเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ขณะที่นักวิเคราะห์เทคนิคมองว่านี่เป็นช่วงเวลาชี้ชะตาว่าการดีดกลับนี้จะเป็นเพียงแค่การฟื้นตัวระยะสั้น หรืออาจนำไปสู่การเปลี่ยนแนวโน้มโดยสมบูรณ์
ราคาของอีเธอเรียมฟื้นตัวจากบริเวณแนวรับที่ 3,400 ดอลลาร์ (ราว 472,000 บาท) ซึ่งสอดคล้องกับเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน และกรอบล่างของแนวโน้มขาขึ้นในระยะกลาง ถือเป็นโซนรับสำคัญที่แรงซื้อเข้ามาปกป้องไว้อย่างหนัก หลังจากนั้นเกิดการดีดกลับอย่างรุนแรง จนราคาทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 100 วัน และแนวโน้มกลางของกราฟรายวัน เปิดโอกาสให้ราคาขยับเข้าสู่แนวต้านหลักที่ระดับ 4,200–4,300 ดอลลาร์ (ราว 584,000–598,000 บาท) ซึ่งระดับดังกล่าวทับซ้อนกับจุดฟีโบนัชชี 0.618–0.702 จากการปรับฐานล่าสุด ทำให้กลายเป็นแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาและเทคนิค
ในกราฟ 4 ชั่วโมง ราคาของอีเธอเรียมสามารถฟื้นแนวโน้มขาขึ้นที่พังลงในสัปดาห์ที่แล้ว และเปลี่ยนกลับมาเป็นแนวรับอีกครั้ง ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวอยู่แถว 4,250 ดอลลาร์ (ราว 591,000 บาท) และพยายามทะลุแนวต้านที่ 4,300 ดอลลาร์ หากราคายืนเหนือแนวรับที่ 4,000–4,100 ดอลลาร์ (ราว 556,000–571,000 บาท) ได้ ก็อาจเป็นการยืนยันถึงโครงสร้างตลาดขาขึ้น แต่หากหลุดต่ำกว่าแนวนี้ ราคาก็อาจย่อลงไปทดสอบอีกครั้งที่โซน 3,600–3,400 ดอลลาร์
จากมุมมองด้านจิตวิทยานักลงทุน เครื่องมือของไบแนนซ์ชี้ให้เห็นว่าช่วงราคาประมาณ 3,400–3,600 ดอลลาร์เป็นบริเวณที่ถูกบีบให้มีการปิดตำแหน่ง Long จำนวนมาก ส่งผลให้เลเวอเรจส่วนเกินถูกล้างออก นี่ทำให้ตลาดกลับมามีความมั่นคงมากขึ้น ขณะเดียวกัน ความหนาแน่นของสภาพคล่องฝั่งขายในระดับราคาที่ต่ำก็ลดลงอย่างชัดเจน บ่งชี้ว่าความเสี่ยงจากแรงขายเพิ่มเติมเริ่มลดลง
ด้านบนของราคาตอนนี้ยังมีเลเยอร์ของสภาพคล่องของตำแหน่ง Short ที่ระดับ 4,800–5,000 ดอลลาร์ (ราว 667,000–695,000 บาท) และ 5,800–6,000 ดอลลาร์ (ราว 806,000–834,000 บาท) ซึ่งอาจถูกไล่ล่า (liquidity sweep) หากราคายังคงแนวโน้มขาขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เห็นว่า หากตลาดไม่เกิดการเร่งใช้เลเวอเรจเกินควร อีเธอเรียมก็มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในระดับกลางได้
กล่าวโดยสรุป อีเธอเรียมกำลังเผชิญกับจุดตัดสินสำคัญที่ระดับแนวต้าน 4,300 ดอลลาร์ และหากสามารถทะลุขึ้นไปได้ ก็มีแนวโน้มขยายแนวโน้มขาขึ้นไปยังระดับ 4,600–4,700 ดอลลาร์ (ราว 640,000–652,000 บาท) อย่างไรก็ตาม หากล้มเหลวในการฝ่าแนวต้านนี้ ราคาก็อาจปรับลงอีกครั้ง นักลงทุนควรระมัดระวังการเข้าซื้อแบบเร่งรีบ โดยรวมแล้ว โครงสร้างตลาดยังคงเอื้อต่อการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปมากกว่าภาวะผันผวนรุนแรงในระยะสั้น.
ความคิดเห็น 0