ตลาดคริปโต รวมถึงบิตคอยน์(BTC) เผชิญกับการร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้เกิดการ ‘ล้างพอร์ต’ หรือการบังคับขายมูลค่ามหาศาล โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่ได้รับความสนใจคือการที่ไบแนนซ์ ประกาศคืนเงินค่าชดเชยให้ผู้ใช้รวมกว่า 2.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 393 ล้านบาท) หลังมีความผิดปกติในระบบเกิดขึ้น กระทบต่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลและการล้างพอร์ตในบางผลิตภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มดังกล่าวยืนยันว่าได้ดำเนินการชดเชย “เต็มจำนวน” ให้ผู้ใช้งานเสร็จสิ้นภายใน 24 ชั่วโมง
เหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 10 (เวลาท้องถิ่น) จากปัญหาทางเทคนิคภายในระบบของไบแนนซ์ นำไปสู่การเกิดความล่าช้าในการจับคู่คำสั่งซื้อขาย ส่งผลให้ราคาผิดเพี้ยน และทำให้เกิดการล้างพอร์ตในตลาดอนุพันธ์หลายรายการ เมื่อผนวกกับความตึงเครียดจากภาวะเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจำนวนมากต่างรีบเทขายกันแทบจะพร้อมกัน ทำให้ตลาดเข้าสู่ภาวะตกใจและเร่งขายจนทรุดลงอย่างหนัก
จากข้อมูลในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ตลาดคริปโตสูญเสียมูลค่ากว่า 7,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง โดยไม่เพียงแต่บิตคอยน์(BTC) และอีเธอเรียม(ETH) ที่ราคาได้รับผลกระทบ สินทรัพย์สังเคราะห์อย่าง USDE และ BNSOL ก็สูญเสีย ‘ค่าผูกมัด’ (peg) ไปชั่วคราวเช่นกัน
ไบแนนซ์เน้นย้ำว่า ปริมาณการล้างพอร์ตในระบบของตนเองนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของภาพรวมตลาด และ ‘ตลาดโดยรวม’ คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการทรุดตัวครั้งใหญ่ ทางบริษัทได้ชี้แจงว่า ผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบจากการล้างพอร์ตในระบบทั้งหมดได้รับเงินคืนเต็มจำนวน นอกจากนี้ ผู้ใช้งานที่ใช้ผลิตภัณฑ์ Earn หรือประสบปัญหาการโอนเหรียญล่าช้า ก็ได้รับการชดเชยเช่นกัน
ทั้งนี้ ทางบริษัทยืนยันว่ากรณีที่ ‘ค่าผูกมัด’ ของเหรียญในผลิตภัณฑ์ Earn ถูกยกเลิก เกิดขึ้นหลังการร่วงลงของราคาตลาด มิใช่สาเหตุ แต่เป็น ‘ผลกระทบต่อเนื่อง’ จากความผันผวน ซึ่งบันทึกในบล็อกเชนแสดงให้เห็นว่าการร่วงของราคานั้นเกิดขึ้นเวลา 21:20 น. ขณะที่ค่าผูกมัดใน Earn เริ่มหลุดช่วง 21:36 น.
นอกจากนี้ ไบแนนซ์ยังชี้แจงปรากฏการณ์ราคา ‘ทรุดฮวบ’ ในบางคู่ซื้อขาย โดยระบุว่า เป็นผลจากคำสั่งจำกัดราคาที่ถูกตั้งไว้นานตั้งแต่ปี 2019 ถูกจับคู่และดำเนินการขายในช่วงที่ปริมาณฝั่งซื้อไม่พอเพียง ส่งผลให้ราคา ‘ไหลลง’ อย่างรวดเร็ว รวมถึงกรณีราคาแสดงเป็นศูนย์ในบางคู่ เป็นเพียงข้อผิดพลาดในส่วนของ UI จากการปรับวิธีแสดงจุดทศนิยม ไม่ใช่ข้อผิดพลาดของข้อมูลตลาดจริง
เหตุการณ์ครั้งนี้กลายเป็นหนึ่งในวิกฤตการล้างพอร์ตที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ จุดเริ่มต้นมาจากคำประกาศของ *ประธานาธิบดีทรัมป์* ที่เตรียมตั้งภาษีนำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยีจากจีน 100% สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดโดยรวม ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อคริปโตสั่นคลอนอย่างหนัก ภายในวันเดียว มีการปิดสถานะที่ใช้เลเวอเรจรวมกว่า 19,000 ล้านดอลลาร์ และมูลค่าตลาดคริปโตสูญหายไปถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,390 ล้านล้านบาท) ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง
เพื่อลดความเสี่ยงในอนาคต ไบแนนซ์ประกาศปรับปรุงระบบความปลอดภัยอย่างครอบคลุม พร้อมทั้งปรับโฉม UI ใหม่ทั้งหมด บริษัทระบุว่า API ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติในช่วงเกิดเหตุ และเปิดเผยว่าจะยกระดับความโปร่งใสของข้อมูล เพิ่มการสื่อสารเชิงรุก และพัฒนาแผนรับมือเหตุการณ์ผิดปกติให้ดีขึ้นต่อไป
ความคิดเห็น 0