Back to top
  • 공유 แชร์
  • 인쇄 พิมพ์
  • 글자크기 ขนาดตัวอักษร
ลิงก์ถูกคัดลอกแล้ว

อัปเกรด Bitcoin Core v30 จุดชนวนศึกแนวคิด ดันบิตคอยน์(BTC) เข้าสู่ยุคใหม่หรือสูญเสียอุดมการณ์ดั้งเดิม?

อัปเกรด Bitcoin Core v30 จุดชนวนศึกแนวคิด ดันบิตคอยน์(BTC) เข้าสู่ยุคใหม่หรือสูญเสียอุดมการณ์ดั้งเดิม? / Tokenpost

การอัปเกรด *Bitcoin Core v30* เวอร์ชันล่าสุดของซอฟต์แวร์หลักของบิตคอยน์(BTC) ได้จุดกระแสถกเถียงอีกครั้งในชุมชนคริปโต หลังจากมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ขยายขีดจำกัดการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งสร้างความกังวลทั้งในเชิงปรัชญาและด้านเทคนิคของเครือข่าย

ฟีเจอร์ที่ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือ การขยายขอบเขตของ *OP_RETURN* ให้สามารถบันทึกข้อมูลได้สูงสุดถึง 100,000 ไบต์ต่อธุรกรรม แตกต่างจากเดิมที่จำกัดไว้แค่ 80 ไบต์ การเปลี่ยนแปลงนี้เปิดโอกาสให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ๆ บนเครือข่ายบิตคอยน์ เช่น คราวด์ฟันดิงดิจิทัลและบริการแบบสเตกกิง แต่ในสายตาของ ‘บิตคอยน์แม็กซิมัลลิสต์’ กลับมองว่าเป็นการละทิ้งอุดมการณ์ดั้งเดิมของบิตคอยน์

นักวิเคราะห์และนักปรัชญาเกี่ยวกับคริปโตชื่อดัง แค่นต์ สวานโฮล์ม(Knut Svanholm) วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าการขยายความสามารถในครั้งนี้เป็นการบิดเบือนเป้าหมายหลักของบิตคอยน์โดยสิ้นเชิง โดยเขาระบุว่า "อัปเกรดครั้งนี้เหมือนการให้ที่อยู่ปลอดภัยบนเชนแก่ ‘เหรียญขยะ’ (Shitcoin)" และเน้นว่าบิตคอยน์ถูกออกแบบมาเพื่อการโอนทรัพย์สินและการปกป้องความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่แพลตฟอร์มสำหรับฟีเจอร์เสริมอย่างดีไฟหรือเอ็นเอฟที พร้อมทั้งแนะนำให้ผู้ใช้งานที่มีแนวคิดแบบเดียวกันหันไปใช้ *Bitcoin Knots* ซอฟต์แวร์ทางเลือกที่เน้นความบริสุทธิ์ของเครือข่าย

แม้ในแง่เทคนิค บางนักพัฒนาประเมินว่า Bitcoin Core v30 มีข้อดี เช่น การปรับลดค่าธรรมเนียมรีเลย์ ที่ช่วยให้สามารถจัดเก็บข้อมูลและสร้างโปรโตคอลเมตาได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่สวานโฮล์มตอบโต้โดยระบุว่า “นักพัฒนาเหล่านี้กำลังก่อร่างสร้างบิตคอยน์ให้กลายเป็นเหมือนอีเธอเรียม(ETH) ด้วยความเห็นแก่ตัว”

กระแสต้านจากชุมชนไม่ได้สิ้นสุดเพียงเท่านี้ ลุค แดช จูเนียร์(Luke Dashjr) นักพัฒนาหลักของ Bitcoin Knots และบุคคลทรงอิทธิพลในวงการบิตคอยน์ ก็แสดงจุดยืนปฏิเสธ Bitcoin Core v30 เช่นกัน โดยเผยว่าการใช้เวอร์ชันใหม่นี้อาจเสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้เผยแพร่เนื้อหาผิดกฎหมาย และกล่าวหาว่าฝ่ายที่สนับสนุนการเพิ่มฟีเจอร์เหล่านี้กำลังทำลาย ‘ตัวตน’ ของบิตคอยน์

ขณะที่อีกฟากหนึ่งของวงการ จิมมี ซอง(Jimmy Song) นักเขียนและนักพัฒนาคริปโต กลับปกป้อง Bitcoin Core v30 โดยชี้ว่า “ทุกระบบย่อมมีช่องให้คนใช้ในทางที่ผิด แต่ไม่ควรตัดสินว่าเป็นภัยต่อเครือข่ายทั้งหมด” พร้อมยืนยันว่าการอัปเกรดนี้ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อบิตคอยน์แต่อย่างใด

ท่ามกลางความขัดแย้ง เครือข่ายบิตคอยน์ยังพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อล่าสุดเกิดการขุดบล็อกได้ 5 บล็อก ภายในเวลาเพียง 20 นาที ซึ่งเร็วกว่าอัตราเฉลี่ยปกติ 2 เท่า เหตุการณ์นี้ยิ่งเพิ่มข้อถกเถียงถึงความเสถียรและความสมบูรณ์ของเครือข่ายในระยะยาว

ความขัดแย้งรอบ Bitcoin Core v30 จึงไม่ใช่แค่เรื่องของฟังก์ชันใหม่ แต่กลายเป็นการโต้เถียงเชิงปรัชญาอย่างลึกซึ้งว่า ‘บทบาทและคุณค่าที่แท้จริงของบิตคอยน์’ ควรอยู่ที่ใด ฝ่ายหนึ่งต้องการขยายขีดความสามารถเพื่อนำบิตคอยน์สู่ความเป็นแพลตฟอร์มใช้งานจริง ขณะที่อีกฝ่ายยืนหยัดปกป้องจุดยืนดั้งเดิมของคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งหมดนี้ยังไม่มีบทสรุปที่ชัดเจน แต่ผลลัพธ์ของการถกเถียงนี้อาจกำหนดทิศทางอนาคตของบิตคอยน์ในระดับรากฐานเลยทีเดียว

<ลิขสิทธิ์ ⓒ TokenPost ห้ามเผยแพร่หรือแจกจ่ายซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต>

บทความที่มีคนดูมากที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น 0

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม

0/1000

ข้อแนะนำสำหรับความคิดเห็น

ขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ต้องการบทความติดตามเพิ่มเติม เป็นการวิเคราะห์ที่ยอดเยี่ยม
1