ญี่ปุ่นเตรียมเปลี่ยนท่าที เปิดทางให้ธนาคารถือครองคริปโต
หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของญี่ปุ่น เตรียมยกเครื่องกฎระเบียบใหม่ อนุญาตให้ธนาคารสามารถถือครองคริปโตเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์(BTC) ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย นับเป็นความเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายครั้งสำคัญ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ‘การครอบครองคริปโตโดยธนาคาร’ ถูกห้ามโดยเด็ดขาด และขณะนี้เริ่มมีการมองว่าคริปโตคือ ‘สินทรัพย์เพื่อการลงทุน’
เมื่อวันที่ 24 ตามรายงานของ Livedoor News สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่น ระบุว่า สำนักงานบริการทางการเงินของญี่ปุ่น (FSA) กำลังพิจารณานำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเงิน ซึ่งขึ้นตรงต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากข้อเสนอได้รับการอนุมัติ ธนาคารจะสามารถลงทุนในคริปโตได้ในรูปแบบที่ใกล้เคียงกับการถือครองหุ้นหรือพันธบัตรรัฐบาล
ปัจจุบัน ธนาคารญี่ปุ่นยังไม่สามารถถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยตรง เนื่องจากความผันผวนของราคาที่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพทางการเงินขององค์กร อย่างไรก็ตาม ในแผนการแก้ไขครั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลกำลังดำเนินการกำหนดแนวทางบริหารความเสี่ยงใหม่ รวมถึงกฎเกณฑ์ด้านเงินทุน เพื่อให้ธนาคารสามารถจำแนกสินทรัพย์ดิจิทัลเป็น ‘สินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับนักลงทุนสถาบัน’
*ความคิดเห็น*: หากข้อเสนอนี้ผ่าน ญี่ปุ่นอาจกลายเป็นประเทศแรก ๆ ที่เปิดรับการลงทุนคริปโตในระบบสถาบันการเงินอย่างแท้จริง สอดคล้องกับแนวโน้มการยอมรับบิตคอยน์ในระดับโลก
ในอีกด้านหนึ่ง ความกังวลเชิงกฎหมายยังคงปกคลุมโลกคริปโต เมื่อ โรมัน สตอร์ม(Roman Storm) หนึ่งในผู้พัฒนา Tornado Cash แสดงความเห็นต่อประเด็นการเอาผิดนักพัฒนาโอเพ่นซอร์สว่าอาจกลายเป็น ‘การลงโทษย้อนหลังทางอาญา’ โดยเขาโพสต์ผ่าน X (เดิมคือ Twitter) ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยของนักพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับโปรโตคอลทางการเงินแบบไร้ตัวกลาง(DeFi) หากไม่ได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายอย่างเพียงพอ
“หากการพัฒนาโปรโตคอลที่ไม่ดูแลเงินของผู้ใช้ จะทำให้เราถูกฟ้องฐานเป็นธุรกิจบริการทางการเงิน(MSB) เหมือนกันหมด แล้ว *ใครจะปลอดภัยได้*?” โรมันกล่าว พร้อมระบุว่า คดีความของเขาในศาลแขวงตอนใต้ของนิวยอร์ก (SDNY) ยังคงดำเนินอยู่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา ‘ฟอกเงิน’ จากการพัฒนา Tornado Cash ในปี 2023
ท่าทีของโรมันจุดประเด็นถกเถียงในหมู่นักพัฒนาอีกครั้ง โดยเฉพาะในแวดวงโอเพ่นซอร์สที่ย้ำถึงความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย ซึ่งอาจเป็น *อุปสรรคสำคัญ* ต่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ในโลกคริปโต และนำไปสู่การชะลอตัวของเทคโนโลยีด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ในอนาคต
ความคิดเห็น 0