การเงินแบบไร้ตัวกลาง(DeFi) กำลังพลิกโฉมตลาดการเงินโดยย้ำถึงคุณค่าหลักของระบบทุนนิยม ด้วยการใช้ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ และ ‘แอปพลิเคชันกระจายศูนย์’(DApp) DeFi เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงบริการทางการเงินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางหรือหน่วยงานกำกับดูแล ความโปร่งใสและการเปิดกว้างของ DeFi ตอกย้ำหลักการของทุนนิยม และช่วยให้บุคคลสามารถควบคุมอำนาจทางการเงินของตนเองได้มากขึ้น
ปัจจุบัน อุตสาหกรรม DeFi เติบโตเป็นมูลค่าราว 123,500 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 4.4 ล้านล้านบาท) สร้างรูปแบบใหม่ที่แตกต่างจากการเงินแบบดั้งเดิม ผู้ใช้สามารถทำ ‘การกู้ยืม’, ‘สเตกกิ้ง’ และ ‘การแลกเปลี่ยนโทเคน’ ได้ง่าย ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตและกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยไม่ต้องเผชิญกับขั้นตอนยุ่งยาก นอกจากนี้ โครงสร้างแบบ ‘โปรโตคอลเปิด’ ยังเอื้อให้เหล่านักพัฒนาใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่หรือสร้างโซลูชันใหม่ ๆ ได้อย่างอิสระ ส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและนวัตกรรมในอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม DeFi ก็ยังไม่สมบูรณ์แบบ จุดอ่อนด้าน ‘ความปลอดภัยของสัญญาอัจฉริยะ’, ‘ความผันผวนของราคา’ และ ‘ความเสี่ยงที่คาดไม่ถึง’ ยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะเมื่อกรมสรรพากรสหรัฐฯ(IRS) ประกาศมาตรการกำกับดูแลใหม่ ซึ่งกำหนดให้แพลตฟอร์ม DeFi ที่ไม่มีตัวกลาง ต้องรายงานข้อมูลต่อรัฐบาลเช่นเดียวกับ ‘โบรกเกอร์หลักทรัพย์’ กฎดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ในปี 2027 ถูกวิจารณ์ว่า ‘ขัดแย้งกับแนวคิดการกระจายอำนาจ’ ทั้งนี้ บริษัท DeFi รายใหญ่ เช่น ‘คอนเซนซิส(Consensys)’ และ ‘ยูนิสวอป(Uniswap)’ ได้ออกมาคัดค้านและเรียกร้องให้สภาคองเกรสทบทวนมาตรการนี้อีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ข้อบังคับที่ไม่ชัดเจนในสหรัฐฯ กำลังกระตุ้นให้โครงการ DeFi ย้ายฐานไปยัง ‘สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE)’, ‘สวิตเซอร์แลนด์’ และ ‘สิงคโปร์’ ซึ่งเป็นประเทศที่มีกรอบกฎหมายเป็นมิตรกับอุตสาหกรรมมากกว่า นักวิเคราะห์เตือนว่า หากสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้านโยบายที่ ‘ยับยั้งนวัตกรรม’ อาจทำให้เสียตำแหน่งผู้นำในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมคริปโต แต่โครงการ DeFi ส่วนใหญ่ก็เริ่มเตรียมกลยุทธ์เพื่อปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่แล้ว
DeFi ไม่ได้เป็นเพียงเทคโนโลยีทางการเงิน แต่ยังเป็นแนวคิดทางเศรษฐกิจที่เน้น ‘เสรีภาพ’, ‘ความเป็นธรรม’ และ ‘ความโปร่งใส’ โดยทลายโครงสร้างที่ผูกขาดและคืนอำนาจทางการเงินให้กับประชาชน ดังนั้น หน่วยงานกำกับดูแลจำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่าง ‘การปกป้องผู้บริโภค’ และ ‘การส่งเสริมนวัตกรรม’ เพื่อให้ DeFi สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มิฉะนั้น ประเทศอื่นที่มีแนวทางเปิดกว้างกว่า อาจก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการเงินดิจิทัลแทน
ความคิดเห็น 0