นักลงทุนคริปโตควรตระหนักว่า ‘ภาษี’ เป็นประเด็นที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะลงทุนในบิตคอยน์(BTC), อีเธอเรียม(ETH), NFT, บริการดีไฟ (DeFi) หรือมีมคอยน์ ล้วนเป็นกิจกรรมที่อาจต้องรายงานต่อหน่วยงานภาษีอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะหากมีการซื้อขายจำนวนมากหรือใช้งานหลายแพลตฟอร์ม การรวบรวมข้อมูลภาษีด้วยตนเองอาจใช้เวลามหาศาลและสุ่มเสี่ยงต่อการผิดพลาด ด้วยเหตุนี้ ‘ซอฟต์แวร์จัดการภาษีคริปโต’ จึงกลายมาเป็นเครื่องมือจำเป็นของนักลงทุนยุคใหม่
ซอฟต์แวร์เหล่านี้สามารถดึงข้อมูลจากกระเป๋าเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มเทรดต่าง ๆ โดยอัตโนมัติ แยกแยะรายได้และขาดทุนเพื่อนำมาจัดทำรายงานภาษีอย่างถูกต้อง ครอบคลุมทั้งการเทรด การสเตค ไปจนถึงรายได้จาก NFT อีกทั้งยังสามารถปรับรูปแบบรายงานให้สอดคล้องกับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศได้อีกด้วย บริการระดับพรีเมียมบางแห่งยังมีการเชื่อมต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้คำปรึกษาแบบเจาะลึก ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับรายงานที่จัดทำ
ในกลุ่มซอฟต์แวร์ภาษีคริปโตระดับโลกนั้น ชื่อที่โดดเด่นคือ ‘Koinly’ และ ‘CoinLedger’ โดย Koinly รองรับการเชื่อมต่อกับกว่า 800 แพลตฟอร์ม และมีจุดเด่นที่ความแม่นยำของรายงาน ในขณะที่ CoinLedger เน้นใช้งานง่าย หน้าตาเป็นมิตร และเชื่อมต่อได้สะดวกกับระบบภาษีของสหรัฐฯ อย่าง TurboTax มีข้อดีสำหรับผู้ใช้งานในอเมริกา
หากต้องการบริหารพอร์ตและดูผลตอบแทนแบบเรียลไทม์ ‘CoinTracker’ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม สามารถคำนวณกำไรขาดทุน พร้อมจัดหมวดหมู่ตามความต้องการเฉพาะตัว สำหรับผู้ที่ลงทุนใน NFT และดีไฟจำนวนมาก ซอฟต์แวร์อย่าง ‘CryptoTaxCalculator’ ก็มีความโดดเด่นเรื่องการรองรับ Altcoin และความซับซ้อนของธุรกรรม ส่วนผู้ที่ต้องการคำปรึกษาแบบมืออาชีพ อาจเลือกใช้ ‘TokenTax’ ซึ่งมีบริการเชื่อมต่อกับนักบัญชี(CPA)
ก่อนเลือกใช้ซอฟต์แวร์ใด ควรตรวจสอบเรื่อง ‘ความเข้ากันได้กับกฎหมายภาษีของแต่ละประเทศ’, ‘ฟีเจอร์การวิเคราะห์’, ‘ระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล’, ‘การให้บริการลูกค้า’ และ ‘ระดับราคาที่สมเหตุสมผล’ โดยเฉพาะในประเทศอย่างเกาหลีใต้ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนากฎหมายภาษีคริปโต ระบบที่อัปเดตตามกฎหมายใหม่ได้อย่างทันท่วงทียิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ด้านราคา Koinly มีความคุ้มค่าที่สุด เริ่มต้นเพียง 68,000 วอนต่อปี (ประมาณ $49) สำหรับแผนพื้นฐาน และมีแผนพรีเมียมที่ราคา 276,000 วอนต่อปี (ประมาณ $199) พร้อมมีแพ็กเกจฟรีและระบบคืนเงินภายใน 14 วัน
การใช้ซอฟต์แวร์ภาษีคริปโตจึงไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ความสะดวก’ แต่คือการรับมือกับการควบคุมด้านภาษีที่เข้มข้นขึ้นทั่วโลก ปัจจุบันหน่วยงานภาษีอย่างกรมสรรพากรกำลังพัฒนาเครื่องมือในการติดตามธุรกรรมคริปโตอย่างจริงจัง ซึ่งหมายความว่าการจัดการภาษีด้วยระบบอัตโนมัติจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น
ท้ายที่สุดแล้ว การเลือกใช้ซอฟต์แวร์สอดรับกับสไตล์การลงทุนของตัวเอง จึงถือเป็น ‘ยุทธศาสตร์ปกป้องทรัพย์สิน’ ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเข้าสู่ตลาดคริปโตในปีนี้ หรือเป็นผู้เล่นที่อยู่มานาน การปรับตัวและวางระบบจัดการภาษีอย่างมืออาชีพ กำลังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไป
ความคิดเห็น 0