บริษัทผู้ออก *สเตเบิลคอยน์* รายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง *เทเธอร์(Tether)* ประกาศว่า จำนวนผู้ใช้งานของพวกเขาทะลุ *500 ล้านคน* แล้ว ซึ่งนับเป็น "หนึ่งในความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของการเข้าถึงบริการทางการเงิน" ตามคำกล่าวของ *เปาโล อาร์โดอิโน(Paolo Ardoino)* ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท
*เทเธอร์(USDT)* ซึ่งเป็นเหรียญที่ผูกกับเงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2014 โดยทีมผู้ก่อตั้งที่มี *บร็อก เพียร์ซ(Brock Pierce)* ร่วมด้วย ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมกว่า *182,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ* (ราว 252.98 ล้านล้านบาท) และครองส่วนแบ่งมากที่สุดในตลาดสเตเบิลคอยน์ แม้จะผ่านกระแสวิพากษ์วิจารณ์และข้อสงสัยหลายครั้ง แต่ USDT ก็ยังคงเป็น *เครื่องมือการเงินดิจิทัล* ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง
อาร์โดอิโนเปิดเผยว่า *37% ของผู้ถือครอง USDT ใช้เหรียญนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการออม* ไม่ใช่เพียงการโอนเงิน โดยระบุเพิ่มเติมว่าผู้ใช้งานจำนวนมาก *อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีระบบธนาคาร* และ USDT กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงระบบการเงินได้ เป็นเครื่องมือในการสร้างอนาคตทางเศรษฐกิจ และสำหรับบางคนก็เป็น *หนทางหนีจากความยากจน* โดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่ที่ผู้คนใช้ USDT เพื่อปกป้องทรัพย์สินของตนจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศ
เขายังกล่าวอีกว่า สเตเบิลคอยน์อย่าง USDT *ช่วยขยายอิทธิพลของเงินดอลลาร์สหรัฐไปทั่วโลก* โดยก่อนหน้านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ เขาเคยโพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ชื่อเดิมคือ Twitter) ว่า เทเธอร์คือ “เครื่องมือที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการรักษา *สถานะของเงินดอลลาร์ในฐานะเงินสกุลหลักของโลก*” และชี้ว่า “สเตเบิลคอยน์กลายเป็น *รูปแบบดิจิทัล* ของดอลลาร์สหรัฐในยุคใหม่”
ปรากฏการณ์การเติบโตของเทเธอร์ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการที่ *สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถเติมเต็มบทบาทของสกุลเงินแบบดั้งเดิม* ได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน *ผู้คนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินผ่านอุปกรณ์มือถือ* โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาธนาคาร นี่จึงเป็นสัญญาณว่าคริปโตและสเตเบิลคอยน์อย่าง USDT กำลังทำหน้าที่เป็น *โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลโลก* อย่างแท้จริง
ความคิดเห็น 0