อีเธอเรียม(ETH) ยังคงแกว่งตัวบริเวณแนวต้าน 4,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.4 แสนบาท) โดยแม้จะมีแรงซื้อกลับมาในระยะสั้น แต่จากสัญญาณทางเทคนิคและข้อมูลออนเชนยังไม่สามารถตัดโอกาสของการปรับฐานต่อได้อย่างสิ้นเชิง
ในช่วงไม่นานนี้ อีเธอเรียมเผชิญแรงขายบริเวณบนของแนวโน้มขาลง ก่อนที่จะอ่อนตัวกลับมาต่ำกว่าแนว 4,000 ดอลลาร์ โดยในกราฟรายวัน ราคากำลังเคลื่อนไหวใกล้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วัน ขณะที่ดัชนี RSI อยู่ที่ระดับ 47 ซึ่งเป็นเขตกลาง ไม่บ่งชี้ทิศทางที่ชัดเจน โดยนักวิเคราะห์มองว่า การจะฝ่าแนวต้านขึ้นไปได้ จำเป็นต้องอาศัย ‘ปัจจัยกระตุ้น’ ที่มีน้ำหนักมาก
การวิเคราะห์ทางเทคนิคชี้ว่า หากอีเธอเรียมสามารถทะลุแนวต้าน 4,200 ดอลลาร์ (ประมาณ 5.67 แสนบาท) ได้ มีโอกาสกลับไปทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 6.21 แสนบาท) แต่หากไม่สามารถผ่านแนวบนของช่องขาลงได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลงมาทดสอบแนวรับ 3,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.72 แสนบาท) และหากระดับดังกล่าวถูกเจาะลง อาจเห็นการร่วงลึกสู่ระดับ 3,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.05 แสนบาท) ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน
ในกราฟ 4 ชั่วโมง สัญญาณล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอีเธอเรียมไม่สามารถผ่านแนวต้าน 4,200 ดอลลาร์ได้ และกลับตัวต่ำลงอีกครั้ง โดยแม้ว่าจะมีแรงซื้อชั่วคราวบริเวณ 4,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นโซนมูลค่าที่ยุติธรรม (Fair Value Gap) แต่ RSI กลับตัวลงจากเขต ‘ซื้อมากเกิน’ นักลงทุนบางส่วนจึงมองว่าโมเมนตัมระยะสั้นกำลังอ่อนแรง หากแรงซื้อตรงจุดนี้ไม่สามารถประคองราคาไว้ได้ ก็อาจเห็นการปรับฐานลงมาใกล้แนวรับ 3,600 ดอลลาร์ (ประมาณ 4.86 แสนบาท) หรือหลุดจากช่องแนวโน้มเดิมได้เช่นกัน
ขณะที่ข้อมูลออนเชนให้สัญญาณที่หลากหลาย โดยจำนวนอีเธอเรียมในกระดานเทรดสปอตลดลงต่อเนื่องเหลือ 15.8 ล้าน ETH ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงขายในระยะยาวอาจเบาบางลง ถือเป็นปัจจัย ‘หนุนราคาขาขึ้น’ อย่างไรก็ตาม ตลาดฟิวเจอร์สยังไม่เห็นสัญญาณของการเก็งกำไรเกินตัวผ่านเลเวอเรจ นั่นหมายความว่าภาพรวมตลาดยังอยู่ในภาวะสมดุล และมีแนวโน้มเคลื่อนไหวแบบ ‘ไร้ทิศทางชัดเจน’ ในช่วงสั้น
*ความคิดเห็น*: แนวโน้มของอีเธอเรียมในตอนนี้สะท้อนถึงภาวะ ‘ชะลอตัวในช่วงปรับฐาน’ ด้วยการสะดุดที่แนวต้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่สามารถสร้างแรงส่งใหม่ได้ หากต้องการข้ามผ่านกรอบราคาเดิมอย่างมีนัยยะ คงต้องพึ่งพาข่าวบวกนอกกราฟ เช่น ความร่วมมือใหม่ การจดทะเบียน ETF หรือเงินทุนจากนักลงทุนรายใหญ่ การติดตามแรงรับในระยะใกล้และปริมาณซื้อขายจะมีความสำคัญในการประเมินแนวโน้มที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในระยะถัดไป
ความคิดเห็น 0