สำนักงานการเงินแห่งฮ่องกง(HKMA) เปิดเผยยุทธศาสตร์ ‘ฟินเทค 2030’ เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมฟินเทคในฮ่องกงในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยเน้นการขยายระบบ ‘โทเคนไนซ์’ เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานในภาคการเงินดิจิทัล ยุทธศาสตร์ฉบับนี้ประกอบด้วย 4 เสาหลัก ได้แก่ ‘ข้อมูล(Data)’, ‘ปัญญาประดิษฐ์(Artificial Intelligence)’, ‘ความทนทานของระบบ(Resilience)’ และ ‘การโทเคนไนซ์(Tokenization)’ ที่รวมกันภายใต้ชื่อรหัส ‘DART’
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา (เวลาท้องถิ่น) ในงาน ‘สัปดาห์ฟินเทคฮ่องกง’ HKMA ได้ประกาศแผนดำเนินการกว่า 40 โครงการย่อยจากยุทธศาสตร์ดังกล่าว พร้อมเน้นว่า ‘โทเคนไนซ์’ จะเป็นกุญแจสำคัญของนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินในอนาคต ซึ่งจะครอบคลุมทั้งสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น อสังหาริมทรัพย์และตราสารหนี้ โดยมุ่งผลักดันการออกกฎระเบียบและสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสมสำหรับการโทเคนไนซ์อย่างยั่งยืน
HKMA ยังระบุว่าจะส่งเสริมด้านการออก การซื้อขาย และระบบการชําระเงินที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์โทเคนไนซ์อย่างครบวงจร เพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงที่ผ่านมา ฮ่องกงได้เดินหน้าปรับปรุงกฎระเบียบเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงทดลองความร่วมมือกับ ‘หยวนดิจิทัล’ ของจีน และการออก ‘พันธบัตรโทเคนไนซ์’ ทั้งหมดนี้ช่วยเสริมสถานภาพของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางฟินเทคระดับโลก
ความคิดเห็น: แผน ‘ฟินเทค 2030’ ไม่เพียงแต่เป็นการวางรากฐานระบบการเงินสมัยใหม่ แต่ยังอาจส่งผลต่อนโยบายของหน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาคอื่น ๆ ซึ่งน่าจับตาว่าฮ่องกงจะสามารถรักษาความเป็นผู้นำในด้านฟินเทคเอเชียได้อย่างไรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ความคิดเห็น 0